30 มกราคม 2553

แม่ทอม เพี้ยนมาจากคำว่า"แม่ทอง" จริงหรือ?

ตามสภาพทางภูมิศาสตร์ แหล่งน้ำที่เรียกกันว่า"ทอม"คือบริเวณที่สายคลองเก่าซึ่งแยกออกจากสายหลักที่นารังนกมาบบรจบกับคลองอู่ตะเภาอีกครั้งหนึ่ง(โปรดดูในรูป) ร่องรอยนี้เห็นได้จากภาพถ่ายจากดาวเทียมเช่นของกูเกิ้ลเอิร์ท หลังจากเกิดการตื้นเขิน ส่วนที่เหลืออยู่กลายเป็นบึงใหญ่ที่ได้ชื่อว่า"ทอม" ถึงแม้เวลาจะผ่านไป สายน้ำก็ยังคงรักษาแนวของมัน เวลาที่น้ำล้นคลองที่นารังนก กระแสน้ำจะไหลผ่านมาตามแนวทุ่งหลังเปลวโหนด ผ่านทอม ผ่านนาใน แล้วมาบรรจบคลองอู่ตะเภาอีกครั้งหนึ่งตรงใกล้ๆบ้านลุงเปี้ยน(ตระกูลสุขสว่าง) จริงๆแล้วพื้นที่แถบแม่ทอม คูเต่า ท่าเมรุ บางเหรียง นั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาบสงขลาอาจจะเมื่อหลายล้านปีก่อน เกิดการตื้นเขินขึ้นตามเวลา หากขุดลงไปใต้พื้นดินไม่เกิน๕เมตร ก็จะพบตมและซากสัตว์ทะเลนาๆชนิด หากขุดลึกต่อไปอีกหน่อยก็จะพบน้ำกร่อยซึ่งเป็นน้ำทะเลเก่าที่ติดอยู่ในชั้นหินดินดาน จริงๆแล้วสภาพทางภูมิศาสตร์ของทอมเปลี่ยนไปเร็วมาก จากคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อนๆ บึงทอมเมื่อ๑๐๐ปีก่อนเริ่มจากหลังเปลวโหนดมีความลึกทำให้มีน้ำขังเกือบตลอดปี ไปจนถึงจุดที่บรรจบกับคลองอู่ตะเภา

มีผู้สัณนิษฐานถึงที่มาของคำว่าแม่ทอม ซึ่งค่อนข้างจะไร้น้ำหนัก สงสัยว่าจะมาจากครูนพ ว่าเพี้ยนมาจากคำว่า"แม่ทอง"หรือ"แหมทอง" นี่เป็นเพียงหนึ่งทรรศนะที่ว่าเอาตามที่ตัวเองคิด เมื่อมีคนหนึ่งว่าขึ้นมา หลายๆคนก็เอาไปว่าต่อ อ้างกันไปอ้างกันมา ในที่สุดก็กลายเป็นสิ่งที่ใครๆยอมรับและเชื่อถือในยุคถัดๆมา หากวิเคราะห์ให้ดี การที่คำว่า"ทอง"ซึ่งเป็นคำพื้นฐานในภาษาไทยของทุกภาคจะเพี้ยนไปเป็น"ทอม"ซึ่งไม่มีความหมายนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย โดยทั่วไปการเพี้ยนของภาษานั้นจะเป็นการเพี้ยนเข้าหาคำที่มีความหมาย การเพี้ยนจากทอมเป็นทองจึงมีความน่าจะเป็นไปได้มากว่า คำว่าทอมนอกจากจะไม่มีความหมายในภาษาไทยแล้ว ยังไม่มีความหมายในภาษามลายูหรือภาษาชวาซึ่งมีใช้อยู่มากในภาษาท้องถิ่นปักษ์ใต้ การสัณนิษฐานข้างต้นจึงเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อถือและเลื่อนลอย

จากคำบอกเล่าที่ตกทอดต่อๆกันมา ว่าสมัยก่อนพื้นที่รอบๆบึงทอมมีต้นไม้ใหญ่นาๆชนิด และที่มากที่สุดชนิดหนึ่งคือต้นกระท่อม เล่ากันว่ารอบๆบึงเป็นป่ากระท่อมเอาเลยทีเดียว เป็นที่รู้จักกันดีในบรรดาคนที่เสพย์กระท่อมในพื้นที่และละแวกใกล้เคียง เป็นแหล่งที่คนมาเก็บกันมากจนเป็นที่เลื่องลือ ภาษาปักษ์ใต้เรียกกระท่อมว่าท่อมเฉยๆโดยตัดคำว่ากระออก คำว่าท่อมนั้นใกล้เคียงกับคำว่าทอมมากในสำเนียงภาษาถิ่น โดยธรรมเนียมของชาวบ้าน หากจะบรรยายอะไรที่มีมากหรือมีความเกินจากปกติ ก็จะมีการใส่คำนำหน้า เช่น โคตร ทวด พ่อ และแม่เป็นต้นเพื่อจะบ่งบอกให้รู้ว่าใหญ่กว่าปกติ จึงอาจจะไม่เป็นการแปลกที่ชาวบ้านยุคนั้นจะพูดถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่มีต้นกระท่อมอยู่มากมายและอาจจะมีต้นใหญ่พิเศษอยู่ด้วยว่า "แม่ท่อม" และกลายมาเป็นแม่ทอมเมื่อมีการตั้งชื่อหมู่บ้านตามความสะดวกหูและปากของเจ้านายจากกรมเมือง เนื่องจากที่ตรงที่เรียกว่าแม่ทอมนั้นอยู่ใกล้บึงใหญ่ บึงจึงมีชื่อว่าแม่ทอมหรือทอมไปด้วยโดยปริยาย ส่วนนิทานเรื่องไหเงินไหทองนั้นก็เป็นเรื่องที่เล่ากันมาจริงๆ แต่น่าจะมาแต่งกันขึ้นในยุคกำนันรุย เพราะมีสถานที่ในเรื่องซึ่งเพิ่งมาเกิดทีหลังที่เรียกว่า"ท่าโคก"เข้ามาเกี่ยวข้อง เล่ากันว่าว่าไหเงินไหทองจะเคลื่อนตัวเองขึ้นมาจากบึงอาบแดดอยู่บนลานท่าโคก แต่ท่าโคกเคยเป็นป่าต้นกระท่อมก่อนที่จะถูกถางทำเป็นที่สวน ซึ่งมีลักษณะเป็นลานเตียน

อีกจุดหนึ่งตามลักษณะทางภูมิศาสตร์โบราณของแม่ทอมซึ่งเป็นจุดน่าสนใจ หากใครเชื่อตามตามนัยแห่งคัมภีร์พระเวทย์ (Vedas)ในศาสนาพราหมณ์ซึ่งเชื่อว่าที่ๆลำน้ำสองสายมาบรรจบกันคือที่ศักดิ์สิทธิ์ จุดนี้คือบริเวณใกล้ๆบ้านของต้นตระกูลสุขสว่าง เป็นจุดที่ทอมมาเชื่อมต่อกับคลองอู่ตะเภา เมื่อตอนเด็กๆเคยได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนบอกว่าจุดที่ทอมและคลองอู่ตะเภาบรรจบกันนั้นอยู่ที่ท่าน้ำเยื้องๆกับบ้านพ่อของท่านอดีตนายกเกษม เพราะมีอุโมงค์ธรรมชาติขนาดใหญ่อยู่ใต้ดินตรงท่าน้ำ ชาวบ้านเชื่อกันว่าอุโมงค์นี้เชื่อมคลองอู่ตะเภาและบึงทอมอยู่ด้วยกัน หลังจากได้ศึกษาภาพถ่ายทางดาวเทียมจึงรู้ว่าจุดบรรจบจริงๆของทอมและคลองอู่ตะเภาอยู่ที่ใกล้ๆบ้านลุงเปี้ยน

พูดถึงลุงเปี้ยน สุขสว่าง คนรักศิลปะท่านหนึ่งของแม่ทอม แกมีความสามารถในทางแกะสลักหยวกกล้วยเป็นลวดลลายต่างๆ ซึ่งความรู้อันนี้ได้รับการถ่ายทอดไปยังลูกชายคือหลวงแอบ ป้าจันสุกเมียของแกเป็นคนช่างพูดและมีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม สืบทอดมาถึงหลวงเอิบลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเล็ก ลูกๆส่วนใหญ่ก็มีหัวไปในทางศิลป์และการแสดง ลูกๆของแกเคยตั้งคณะกลองยาว เด็กๆยุคโน้นจำลุงเปี้ยนได้ดีในฐานะคนที่สูบยาใบจากมวนโตที่สุดในโลก ทุกๆวันพฤหัส ลุงเปี้ยนจะไปถึงตลาดนัดคูเต่าก่อนใครเพื่อเลือกซื้อใบจากที่ใบใหญ่ที่สุด แกมีความชำนาญในการมวนมาก แกจะเอาใบจากที่ตัดได้ขนาดหลายๆใบมาประกอบกัน มวนได้ขนาดข้อมือเด็ก ดูดควันโขมงขนาดเอาไปไล่ผึ้งรังใหญ่ได้สบายๆ เจ้าของยาใบจากมวนใหญ่ที่สุดในโลกก็ให้ต้องประสบเคราะห์กรรมเช่นเดียวกับ Marlboro Manคือเป็นมะเร็งที่ปอด ลุงเปี้ยนจากไปนานแล้ว แต่ตำนานของแกยังเหลืออยู่ ลูกหลานของแกก็เป็นคนดีทุกคน แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นคนไหนที่สืบทอดยามวนใหญ่ที่สุดในโลกกันต่อไป

5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ1/2/53 08:22

    คนที่น่าจะสืบทอดได้น่าจะมี คนทอม และรองอ่ำ สำหรับหลวงเอิบจะหนักไปทางปลุกเสกจัตตุคามรามเทพ-รามสูรสำหรับรองอ่ำดูแล้วมีแววจะสืบทอดศิลปะในการแทง แต่ไม่ไช่แทงหยวกนะครับแต่เป็นการแทงอย่างอื่น อิจฉารองอ่ำจริงๆเมีย 3 คนแล้วยิ่งตอนนี้ได้มาเป็นรองนายกอีกเหมือนเป็นเสือติดปีกแทงพุ่งๆๆๆ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ1/2/53 09:23

    ป้าจันสุกที่บังเหล็มพูดถึงนี่นามสกุล "สกุลเด็น"ใช่ไหมใครรู้ตอบด้วย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น พวกสุขสว่างและพวกลูกหลานกำนันรุยก็คือสายเลือดเดียวกัน

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ1/2/53 16:05

    ก็ใช่นะซิพึ่งจะรู้หรือพี่หลวง

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ28/2/55 21:42

    ธีระพล สุขสว่าง

    ตอบลบ
  5. น่าเชื่อถือมากกว่าตำนาน "แม่ทอม--แม่ทอง--ไหทอง" ที่เคยสอนกันมา

    สุนทร ลัภกิตโร

    ตอบลบ