09 มกราคม 2553

หมอเลาะ

หมอเลาะเป็นลูกชายของหวะแหมะ มีพี่ชายชื่อบังหละซึ่งเป็นป๊ะของบังเส็นอดีตนายกอบตแม่ทอม หวะแหมะเป็นคนมีที่ดินเยอะ เป็นพื้นที่ตรงที่บังเส็นอยู่ในปัจจุบันไปจนถึงหนองเบา ที่แถวๆนาออกซึ่งในปัจจุบันเป็นสมบัติของพวกตระกูลธรรมชาติก็เคยเป็นของหวะแหมะ ที่สวนครงกันข้ามกับหลาทอมก็เคยเรียกกันว่าสวนหมอเลาะ หมอเลาะกับบังหละตกลงกันไม่ได้เรื่องมรดก เรื่องไปถึงศาล ทรัพย์สินจำนวนมากต้องถูกขายไปเพื่อนำไปใช้เป็นค่าทนายและค่าใช้จ่ายอื่นๆในการทำคดีความ ในที่สุดแทนที่จะได้กันเต็มเม็ดเต็มหน่วยก็เหลืออยู่เพียงน้อยนิด หมอเลาะและบังหละก็ให้มีอันต้องขาดความเป็นพี่น้องจวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
หมอเลาะไม่ได้เป็นหมอผ่าตัดหรือฉีดยารักษาคนไข้ในโรงพยาบาลหรือคลีนิค แต่แกเป็นหมอผี เล่ากันว่าหมอเลาะแกเลี้ยงผีเอาไว้มากมายในหนำของแกซึ่งอยู่ค่อนไปทางหนองเบา ซึ่งเป็นบริเวณป่ารกทึบในสมัยก่อน ที่ตรงปากคูเคยเป็นป่าช้าเก่าและมีต้นตะเคียนใหญ่อยู่มากมายหลายต้น ไม่มีใครอยากจะเดินเข้าไปแถวนั้นเพราะกลัวผีที่หมอเลาะแกเลี้ยงเอาไว้ เล่ากันว่าวันดีคืนดีแกจะปล่อยผีของแกออกมาเที่ยวอาละวาดในละแวกนั้น ใครผ่านเข้าไปก็ต้องวิ่งหนีกันชนิดไม่คิดชีวิต ก่อนที่จะอยู่คนเดียวและเอาผีมาเลี้ยงไว้เต็มหนำนั้น บังเลาะแกเคยอยู่ที่บ้านอีกแห่งหนึ่งซึ่งไม่ห่างออกไปนัก แกอยู่กับป้าจันซึ่งเป็นเมียของแก แกมีลูกหลายคน คนโตสุดคือป้าแหมะไหลหรือแดงภรรยาท่านจวน บัวสายประธานสภาฯ เจ้าแม่ข้าวหลามรายใหญ่ของแม่ทอมในปัจจุบัน ส่วนนอกนั้นจมน้ำตายไปบ้าง ไข้ตายไปบ้างตั้งแต่ยังเด็ก อาจะมีลูกชายของแกอีกคนหนึ่งที่ชื่อเสิดที่ยังเหลืออยู่ เอกลักษณ์ของลูกๆหมอเลาะก็คือจะพูดมึงกูกับทุกคนไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ หรือครู จนเป็นคำพูดเปรียบเทียบติดตลกของชาวบ้าน หากใครพูดมึงกูกับผู่ใหญ่ก็จะโดนเปรียบเปรยในเชิงขบขันว่าเป็นลูกหลานหมอเลาะ จริงๆแล้วหมอเลาะนอกจากจะเป็นคนหน้าตาดีหล่อเหลาแล้ว แกยังเป็นคนที่เป็นคนหัวดีฉลาดหลักแหลม และทันสมัย ป้าแหมะไหลก็เป็นคนหัวดีเรียนหนังสือเก่ง แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่ได้เรียนต่อ แต่ก็ยังคงถ่ายทอดเอาความสามารถไปสู่รุ่นลูกให้ได้ประสบความสำเร็จในการเรียนระดับสูงในเวลาต่อมา

สาเหตุที่หมอเลาะได้ตั้งตัวเป็นหมอผีนั้นคงจะมีน้อยคนนักที่รู้สาเหตุที่แท้จริง โดยทั่วไปแล้วชาวบ้านแทบทั้งหมดจะคาดไปไม่ถึง ถึงแผนการอันแยบยลของแกในการอยู่รอด เมื่อช่วงราวๆปีพ.ศ.๒๔๙๐นั้น ในตำบลแม่ทอมมีเสือร้ายรายหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทางปล้นสดมภ์มาอย่างโชกโชน เรียกกันว่าเสือหลี ลักษณะการปล้นของเสือหลีนั้นเล่ากันว่าเป็นไปแบบในหนังไทย คือจะมีการประกาศยี่ห้อในขณะที่เข้าทำการปล้น ด้วยเหตุนี้เสือหลีจึงมีชื่ออยู่ในบัญชีจับตายของตำรวจมานาน เสือหลีมีเมียชื่อยายเชือบ เคยมีบ้านอยู่ห่างจากบ้านบังเส็นไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ๕๐๐เมตร มีลูกชายหญิงเล็กๆอยู่หลายคนในขณะนั้น ด้วยเหตุผลใดไม่ปรากฎชัด บังเลาะนั้นไม่ถูกกับเสือหลี แกจึงหาทางกำจัดเสือหลีโดยการไปแจ้งเบาะแสให้ตำรวจที่หาดใหญ่มาจับเมื่อแกรู้ว่าเสือหลีกลับมาอยู่กับเมียที่บ้าน ซึ่งจะมาเพียงเป็นครั้งคราว นอกนั้นจะไปซ่อนตัวอยู่ที่อื่น เสือหลีก็เป็นนกรู้ ส่วนมากก็จะสามารถหลบเลี่ยงไปได้ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง แต่จนแล้วจนรอดก็พลาดเข้าจนได้ในคราวหนึ่ง ตำรวจมาล้อมบ้านอยู่ตั้งแต่หลังเที่ยงคืน พอตอนย่ำรุ่งตำรวจจึงประกาศให้เสือหลีออกมามอบตัว มีหรือที่เสือหลีจะยอม เพราะเคยทั้งปล้นทั้งฆ่าเจ้าทรัพย์มาหลายราย โดนจับก็คงจะโดนประหาร เสือหลีจึงแหกวงล้อมออกมา หนีออกไปทางสวนยางริมพรุพร้อมกับลูกน้อง ยิงต่อสู้กับตำรวจดังสนั่นหวั่นไหว เสือร้ายพลาดท่าโดนกระสุนของตำรวจตายคาที่ ลูกน้องก็เลยยอมมอบตัว บังเลาะในฐานะคนนำจับเลยกลายเป็นคนดัง ตำรวจและเจ้าหน้าที่สดุดีเสร็จแล้วก็กลับไป เสือหลีก็ไม่ใช่คนไร้ญาติและพรรคพวก บังเลาะจึงตกเป็นเป้าของการล้างแค้นอย่างช่วยไม่ได้ ทางการตอบแทนหมอเลาะด้วยเงินนำจับนิดหน่อย ไม่พอแม้กระทั่งจะเอาไปซื้อปืนดีๆมาไว้ป้องกันตัว ทางการก็เลยอนุญาตให้แกซื้อโค้ลท์ตราควายกระบอกหนึ่งและให้ไปขึ้นทะเบียนได้ถูกต้องตามกฏหมาย

บังเลาะเริ่มระวังตัวเป็นอย่างมากเพราะลูกน้องเสือหลีที่ยังไม่ถูกตะครุบยังมีอีกมากมาย บังเลาะทิ้งลูกๆเอาไว้กับป้าจัน ส่วนตัวเองออกไปทำหนำอยู่ที่ป่าใกล้ๆหนองเบา บ้านล้อมด้วยหนามนาๆชนิดหลายชั้น คนเริ่มเล่าลือเรื่องหมอเลาะเลี้ยงผีขึ้นทีละน้อย เวลาผ่านไป จากปีเป็นหลายปี จากหลายปีเป็นสิบปี หลายๆคนก็ลืมเรื่องนี้ไป คนรุ่นใหม่ก็ได้ยินบ้างจากการบอกเล่าของคนรุ่นก่อน หมอเลาะก็ยังอยู่รอดปลอดภัย กิตติศัพท์เรื่องผีหมอเลาะที่ห้อยโหนอยู่ตามต้นไม้รอบๆหนำของแกก็มีการเล่าลืออย่างพิศดารเป็นที่ขนพองสยองเกล้า หมอเลาะก็ขลังขึ้นเรื่อยๆในความรู้สึกของชาวบ้าน ไม่มีใครอยากจะเดินผ่านไปทางหนำของแกทั้งกลางวันกลางคืน

ประมาณปีพ.ศ. ๒๕๑๒  วันหนึ่งเวลาโพล้เพล้ เป็นเวลากินข้าวค่ำของชาวแม่ทอมสมัยโน้น ท่ามกลางความเงียบสงัด ใครๆก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปืนดังสั่นขึ้นหนึ่งนัด และตามด้วยเสียงตีเกราะจากบ้านนายบ้านเกลี้ยงประมาณ๑๕นาทีต่อมา ใครๆในละแวกนั้นจึงรู้ว่าบังเลาะโดนยิงด้วยตราควายเข้าที่หลังในขณะกำลังนั่งกินข้าว แกยังพอพูดได้อยู่จึงมีการนำแกส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่ การเข้าเมืองหาดใหญ่ในสมัยนั้นมีแต่ทางเรือ รถยนต์ในหมู่บ้านไม่มีเลยเพราะถนนยังคงเป็นทางเดินเ้ท้า เรือหางยาวแถวนั้นก็ไม่มี หมดทางเลือก ชาวบ้านหลายคนจึงเอาแกใส่รถรุนเข็นไปโรงพยาบาลที่หาดใหญ่ สะพานที่นารังนกก็ยังไม่มี จึงเข็นกันไปทางท่าแซ บังเลาะไปขาดใจตอนใกล้สว่างเพราะเสียเลือดไปมากที่กุโมท่ายาว ห่างจากหาดใหญ่แค่ไม่ถึง๒กิโเมตร นับว่าแกตายได้ถูกที่และถูกเวลา เพราะกุโมอยู่ริมถนน ไม่ต้องเดือดร้อนคนให้ต้องหาที่ฝังให้ลำบาก พอรุ่งเช้าเขาก็เลยฝังศพแกไว้ที่นั่น

ในที่สุดก็มีคนฝ่าดงผีเข้าไปฆ่าแกจนได้ หลังจากเสือหลีโดนตำรวจยิงตายไปแล้วเกือบ๒๐ปี ก็นับว่าแกฉลาดมากที่แกสามารถสร้างผีนาๆชนิดขึ้นมาได้อย่างแนบเนียน ช่วยหลอกหลอนแหกตาศัตรู ช่วยคุ้มกันภัยให้กับตัวเองได้ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ความชะล่าใจว่าเรื่องมันผ่านมานานต้องทำให้แกต้องมาจบชีวิตลงก่อนเวลาอันสมควร เมื่อตอนที่แกโดนลอบทำ้ร้ายเสียชีวิตนั้น รั้วหนามสามชั้นรอบหนำถูกปล่อยปละละเลยจนกั้นอะไรไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ10/1/53 16:15

    น่ากลัวลูกสาวท่านประธาน จวน บัวสายคงจะได้ความฉลาดมาจากหมอเลาะผ่านมาทางพี่แดงเป็นแน่แท้เพราะเรียนเก่งตอนนี้ลูกสาวท่านประธานเป็นพลเมืองของอเมริกาไปแล้วแต่ที่น่าสงสัยอดีตสมาชิกอบต ปุยลูกชายท่านประธานน่ากลัวจะติดไอคิวไปทางพ่อมากกว่าเพราะเห็นเล่นป็อกเด้งที่ไรแพ้เกือบทุกที

    ตอบลบ