28 พฤศจิกายน 2552

น้ำตาลเดือนห้า

น้ำตาลโตนดเดือนห้าครับ ไมใช่น้ำผึ้งที่ได้จากรังผึ้งในเดือนห้า บังพูดถึงน้ำตาลที่มาจากต้นตาลโตนดในเดือนขนมจีนของชาวบ้านเรา เดือนห้าเหมือนกันที่ต้นตาลให้ให้ผลผลิตน้ำตาลที่มีคุณภาพเยี่ยม น้ำตาลสดจะใสแจ๋วหวานเข้มอร่อย ไม่ต้องเอาน้ำโคลนขึ้นไปแช่งวง ไม่ต้องเอาไม้หนีบไปหนีบงวงกระตุ้น น้ำหวานจะออกมาจนแทบจะล้นกระบอกโดยธรรมชาติ น้ำตาลหน้านี้จึงเป็นวัตถุดิบอย่างดีสำหรับทำน้ำตาลเมารสเยี่ยมยอด จริงๆแล้วน้ำตาลเมานั้นมันก็คือไวน์ชนิดหนึ่งเช่นเดียวกับเหล้าองุ่นที่พวกคนในยุโรปกินกันมาเป็นร้อยเป็นพันปี แอลกอฮอล์เป็นส่วนเกินของชีวิต คนดื่มกินยากที่จะมีความพอดี ผลจึงออกมาเป็นโทษเสียเป็นส่วนใหญ่ พุทธและอิสลามจึงห้ามขาดเพื่อตัดปัญหา น้ำตาลเมามีปริมาณแอลกอฮอล์น้อยกว่าเหล้าโรงมาก อันตรายต่อสุขภาพก็น้อยกว่า แต่รัฐบาลทุคยุคทำทีเป็นเป็นห่วงสุขภาพของบระชาชน ออกกฎหมายให้น้ำตาลเมาเป็นของผิดกฏหมาย แต่เหล้าโรงไม่เป็นไร จริงๆแล้วก็เป็นเรื่องรายได้และผลประโยชน์ สุขภาพเป็นเพียงข้ออ้าง ที่หาดใหญ่มีโรงต้มเหล้าที่ปล่อยน้ำส่าเหล้าลงคลองมาตั้งแต่ไหนแต่ไรและไม่มีใครทำอะไรได้เพราะเส้นเขาหนา ว่ากันว่าเจ้าของโรงเหล้าคือตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังการรังควาญชาวบ้านของเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ของที่เข้าข่ายของมึนเมาที่ถ้าชาวบ้านทำแล้วผิดกฏหมายก็คือ น้ำตาลเมา น้ำสมสายชู และลูกแป้ง (แป้งข้าวหมาก) แล้วช่างจองเวรจองกรรมกันจริงๆ ระหว่างเจ้าหน้าที่สรรพสามิตและชาวบัาน โดนจับไปแต่ละครั้งก็โดนปรับจนหมดตัว ชาวบ้านไม่มีรายได้อะไรมากมาย
วันทำบุญเดือนห้าที่เปลวหนองหินคราวหนึ่ง ตอนเช้ามีการถวายขนมจีนพระตามปกติ พระฉันเสร็จชาวบ้านก็กินต่อ พอสายหน่อยก็มีการทำบุญอุทศส่วนกุศลให้ปู่ย่าตายายและเลี้ยงเพล ช่วงนี้ก็จะมีวงน้ำตาลเมาหลายวง บางวงขายบางวงกินฟรีเพราะมีขาใหญ่มาเหมาแจก ก็กินกันพอหอมปากหอมคอ ใครผ่านไปผ่านมาก็ได้คนละขันหรือพล็อก จู่ๆก็ได้ยินเสียงคนแตกฮือออกจากวงน้ำตาลเมา เจ้าหน้าที่สรรพสามิตกว่าสิบคนซึ่งปะปนมากับชาวบ้านแสดงตัวเข้าจับกุมคนกินน้ำตาลเมา ที่ช่วยกันมัดใส่กุญแจมือได้ก็มีคนแก่และผู้หญิงรวมแล้วเจ็ดแปดคน นอกนั้นวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทาง...

บ่าวคลิ้ง
คนบวชแล้วชาวบ้านก็เรียกว่าเณรหรือหลวง ส่วนคนที่ยังไม่บวชเขาก็เรียกไอ้หรือบ่าว ซึ่งแปลว่าพี่ เด็กก็เรียกบ่าว ผู้ใหญ่ก็เรียกบ่าว บ่าวคลิ้งจึงเป็นบ่าวของทุกคนยกเว้นที่อายุมากกว่าแกจะเรียกว่าไอ้คลิ้ง บ้าแกอยู่ตรงนาเนียน บ่าวคลิ้งลงไปนั่งอยู่บนหนมในแหวะโผล่แต่หัวอยู่ในพงหญ้า สรรพสามิตมายืนอยู่ริมคลอง จะลงไปก็กลัวตกหนม...
"ลุง...ลงไปทำทำอะไรในอยู่ในนั้น? ผมเห็นลุงกินหวากอย่ตรงโน้นเมื่อตะกี้" สรรพสามิตตะโกนถาม
"หม้ายนิ...ผมลงมาตรูดหญ้าให้งัวหรอก" บ่าวคลิ้งตะโกนตอบ
"แล้วกินหวากใช่ไหม? ผมเห็นลุงซดอยู่เฮือกๆ ไหนยกมือขึ้นดูซิ ไม่ยกผมยิง?" สรรพสามิตพูดพร้อมยกจุดสามแปดขึ้นขู่
บ่าวคลิ้งรีบยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ สรรพสามิตหัวเราะจนท้องแข็ง เพราะนิ้วชี้ของบ่าวคลิ้งงอคล้ายๆเคียว แกใช้นิ้วชี้แทนมีดงอแกล้งทำเป็นกำลังตัดหญ้า เสียดายที่ลูกไม้แกใช้ไม่ได้ผล

ลุงอิน
ในขณะที่คนอื่นเขาวิ่งกันไปจนหมด ลุงอินค่อยๆเดินเลียบไปทางศาลา ใครคนหนึ่งมาสะกิด ลุงอินสะดุ้งโหยง...
"ลุง...ผมเห็นลุงกินหวากเมื่อตะกี๊"
"หม้ายนิ...."
"ก็ผมเห็นกับตา ลุงยืนซดอยู่"
"กะเบอ...ผมชิมหีดนึงนิ"
"นั่นแหละ...ชิมนั่นแหละ ยื่นมือมาใส่กุญแจ"
เสียงคนที่อยู่ในเหตุการณ์หัวเราะกันอึง ยกเว้นลุงอินคนเดียวที่หัวเราะไม่ออก เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเสียค่าโง่ที่ไปรับสารภาพโดยรู้เท่าไม่ถึงการ

หลวงเพื่อม
หลวงเพื่อมตอนนั้นกำลังหนุ่มฉกรรจ์ รูปร่างแข็งแรงสูงใหญ่ กินขนมจีนได้เป็นกะชะ หาบข้าวได้เกึอบสองเท่าของคนอื่นๆ กำลังวังชาหาตัวจับยากในตำบล สรรพสามิตนายหนึ่งวิ่งตามหลวงเพื่อมไปทางแหวะ วิ่งตามกันไปสักพักสรรพสามิตก็ต้องหยุดเพราะความเหนื่อย หลวงเพื่อมก็หยุดรอพร้อมทั้งตะโกนบอกว่าพักตามสบายเมื่อไหร่หายหนื่อยก็ค่อยใล่กันต่อ พอสรรพสามิตหายเหนื่อยก็วิ่งไล่อีก ยิงปืนขู่หลวงเพื่อมก็ไม่ยอมหยุดให้จับ เพราะหลวงเพิ่อมรู้ว่าเขายิงไม่ได้เพราะแกไม่มีอาวุธและไม่ได้ต่อสู้ วิ่งตามๆหยุดๆกันไปเกือบถึงวัดคูเต่า สรรพสามิตเลยต้องยอมแพ้หันหลังกลับไปที่หนองหินมือเปล่า

หลวงเพียร
หลวงเพียรวิ่งหนีออกมางนาเนียน โดยมีสรรพสามิตวิ่งตามมาติดๆ หลวงเพียรเป็นน้องชายหลวงเพื่อม แต่ไม่ทรหดอดทนและฝีเท้าจัดเหมือนพี่ชาย จึงจวนเจียนจะโดนรวบอยู่หลายตอน วิ่งก็ไม่สะดวกเพราะวิ่งในนาและต้องวิ่งข้ามคันนา วิ่งมาจนถึงดงตาลใกล้บ้านพ่อท่านเชือน จวนตัวเต็มที่เลยปีนหนีขึ้นไปบนต้นตาล ไต่พะองขึ้นไปนั่งหอบอยู่บนยอด เรียกให้สรรพสามิตให้ตามขึ้นไปจับ สรรพสามิตได้แต่เดินวนรอบต้นตาล แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ลง ยิงปืนขู่หลวงเพียรก็ตะโกนบอกลงมาว่ากูรู้ว่ามึงยิงให้ถูกกูไม่ได้ สรรพสามิตบอกว่ากูจะรอ ก็เลยนั่งเฝ้าโคนโหนดอยู่จนเย็น พรรคพวกต้องพาผู้ต้องหาที่จับได้ไปโรงพักหาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องจากไปมือเปล่า

ลุงพุด
ลุงพุดใส่โสร่งจะวิ่งหนีอายุก็มากแส้ว วิ่งก็ไม่ถนัด กะจะมุดรั้วหนีไปอีกด้านหนึ่งของสวนติดป่าช้า คลานเข้าไปติดอยู่ในกอเตยใหญ่ จะไปออกอีกด้านก็ไปไม่ได้ จะกลับออกมาทางที่เข้าไปก็ออกไม่ได้ สรรพสามิตมานั่งยองๆเรียกให้ออกมา บอกให้ชาวบ้านถางก็ไม่มีใครมีพร้า ให้กลับไปเอาพร้าที่บ้านมาก็ไม่มีใครยอมให้ความร่วมมือ จะตามเข้าไปก็เข้าไม่ได้ ลุงพุดเลยรวดตัวไปอีกคน

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ29/11/52 14:10

    พ่อหลวงเส้งด้วยขึ้นกินบนยอดเลยสรรพสามิตรมาล้อมอยู่ใต้โคนสรรพสามิตรบอกให้ลงมาแกก็ไม่ยอมลงบอกอยู่ตั้งนานแกก้ไม่ลงท่าเดียวสรรพสามิตรก็คอยจนเย็นเกือบค่ำก็ไม่ยอมลงสรรพสามิตรก็ไม่ยอมกลับสรรพสามิตรก้ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วก็ไปตามกำนันพ่วงมาคือว่าไม่แน่ใจว่าแกได้ยินที่สรรพสามิตรบอกหรือเปล่าเพราะแกเป็นคนหูหนักสักนิดพอกำนันพ่วงมาเท่านั้นแหละแกก็ยอมลงโดยดีไม่ทราบว่าแกได้ยินหรือแกแกล้งไม่ได้ยินตกลงถูกเสียไม่แน่ใจว่า200หรือ300แล้ว(กำนันพ่วงนี้เป็นน้องพ่อหลวงเส้ง)

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ29/11/52 14:28

    พูดถึงเรื่องสรรพสามิตรจับน้ำตาลแล้วมีเรื่องหนุกๆจะเล่าให้ฟังหลวงช่วงแกมีบ้านอยู่ใกล้กับที่เขาทำนาสรรพสามิตรก็เฝ้าสืบมาแล้วว่าหลวงช่วงนี้แหละคาบตาลสรรพสามิตรก็กะเวลาถูกพอหลวงช่วงขึ้นคาบตาลสรรพสามิตรก็กรูกันมาสามสี่คนหลวงช่วงก็รีบลงแล้วก็วิ่งเข้าไปทางบ้าน สรรพสามิตรก้วิ่งตามมาหลวงช่วงก้หยบดูอยู่ที่โซดรั้วสรรพสามิตรมาถึงก็ค้นรอบๆบ้านเจอจริงๆเนียงตั้งอยู่สองเนียงสรรพสามิตรมาก้หยิบจอกลงไปตักแล้วก้ชิมเลย..สรรพสามิตรบอกว่าพบเอาของแท้แล้ว.แล้วก็บอกให้สรรพสามิตรคนที่สองลองชิมดุบ้างสรรพสามิตรคนที่สองเมื่อชิมเสร็จก็บอกว่าของแท้จริงๆด้วยก้บอกให้คนที่สามลองชิมอีกคนที่สามพอชิมเข้าไปก็บอกว่าไอบ้านี้มันน้ำส้มยาง..โดยที่หลวงช่วงหยบหัวเราะคิกๆอยู่ที่โซดรั้ว..สรรพสามิตรที่มาค้นนั้นกลับมึนกันไปทั้งสามคนชิมเอาน้ำส้มยาง(น่าจะไปเข้ารายการชิมไปบ่นไปนะบัง)

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ29/11/52 14:46

    มีอีกเรื่องครับบังหลวงหลุบนี้แกทำเหล้าเถื่อนสรรพสามิตรรู้ว่าแกทำเหล้าเถื่อนสรรพสามิตรก็ไปตอนเที่ยงซึ่งหลวงหลุมแกจะนอนเที่ยงประจำสรรพสามิตรพอไปถึงก็ตะโกนบอกว่าหลุบมีเหล้าเถื่อนไหม..หลวงหลุบซึ่งนอนหลับสลึมสลืออยู่บนบ้านพอได้ยินเสียงนี้แกก็ตอบริ้นรัวกันเลยว่า..มีมีขึ้นมาก่อนขึ้นมาก่อน..พอเปิดตูเท่านั้นก้เลยจะเอ๋กับสรรพสามิตร..(หลวงหลุบเหอหลวงหลุบแล้วไม่คอยดูเสีก่อนว่าใครมาเรียกแกก็คงคิดว่าลูกค้า..สรรพสามิตรก็หัวหลาดไปจังหวะแกนอนเที่ยงพอดี)

    ตอบลบ