ไข่เป็นชื่อยอดนิยมชองบ้านเรา มีทั้งที่เป็นชื่อจริงและขื่อเล่น เมื่อมีหลายไข่ก็เกิดความสับสน จึงมีการเพิ่มคำต่อท้ายเพื่อจะได้รู้ว่าเป็นไข่ไหน ตำต่อท้ายมักจะมาจากชาวบ้านตั้งให้ บังจะนับเฉพาะไข่รุ่นลายครามที่ไม่จ้งแล้ว ส่วนไข่รุ่นพลาสติกจะยังไมนับ แล้วจึงค่อยเล่าเรื่องของแต่ละไข่ไปทีละท่านตามแต่ที่สืบเสาะได้ หากไข่ไหนตกหล่นก็ช่วยกันใส่ให้ครบด้วยครับ ไข่ฮั่น ไข่ตุด ไข่ชุ่น ไข่โขน ไข่เชื้อ และไข่หนู
ไข่เชื้อ....
ท่านเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งของแม่ทอม หากจะเรียกให้หรูหน่อยก็ต้องว่าท่านเป็นเอกทางด้านจิตรกรรมและปฏิมากรรม เป็นภูมิปัญญาประจำตระกูลที่ถ่ายทอดกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ บ้านท่านอยู่เลยหลาทอมไปทางทิศใต้เล็กน้อย ท่านมีอาชีพวาดและแกะตัวหนังตะลุงจากหนังวัวและหนังควาย ลูกค้าของท่านจะเป็นนายหนังตะลุงในท้องถิ่นเช่นหนังหมุนและนายหนังจากตำบลใกล้เคียง เล่ากันว่าหนังหมุนซึ่งเป็นนายหนังตะลุงชาวแม่ทอมได้จ้างท่านไข่เชื้อตัดรูปหนังซึ่งเป็นคนพี้นบ้านซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะ พอโผล่ออกมาที่หน้าจอแล้วคนก็ฮาตึงทันที แต่ก็ไม่เป็นที่สบอารมณ์ของเจ้าตัวและลูกหลานนัก แถมแกตั้งชื่อรูปหนังเหมือนชื่อตัวจริง ที่เด่นๆมีอยู่สามตัวคือ ตาเขียว ยายลาย และตาแท็ง ก่อนที่ตัวหนังจะออกมาบนจอ เสียงของตัวหนังจะนำมาก่อน ตาเขียวจะเริ่มด้วยเสียงไอแค็กๆเพราะแกเป็นวัณโรคปอดเรื้อรัง ยายลายจะนำด้วยเสียด่าเจื้อยแจ้ว แกจะนำเอาสัตว์ใหญ่ๆชนิดต่างๆมาผสมพันธุ์กับคนที่แกไม่ชอบและด่าด้วยพรรณนาโวหารที่เห็นภาพพจน์ขนาดที่ต้องทำให้ท่านเสฐียรโกเศศต้องชิดซ้ายให้ ตาแท็งก็จะมีกระบอกน้ำตาลเมานำหน้าออกมาก่อนเพราะแกเป็นเอกทัคคะในทางขี้เมาของตำบล ส่วนรูปตัวหนังตะลุงของหนังหมุนที่ติดปากชาวบ้านต่อๆกันมาอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้คือรูปผี ซึ่งวาดและทำโดยท่านไข่เชื้อ มีความน่าเกลียดน่ากลัวมาก หากใครโดนล้อว่าหน้าตาเหมือนผีหนังหมุนก็เป็นอันว่าโหมละไร้เทียมทาน..... ท่านไข่เชื้อได้รจนานิทานไว้หลายเรื่อง นัยว่าจะได้เค้ามาจากของเก่าเช่นเรื่องท้าวเจ็ดขด ยายชี?กรด กุ้งเด็ก ฤาษีข้าวเย็น ฤาษีนกเค็ด และนิทานใหญ่ บังจะเล่าเฉพาะอันหลังสุดในคราวต่อไป ซึ่งเป็นเรทPGที่เด็กๆฟังได้โดยไม่ต้องขออนุญาตผู้ปกครอง ส่วนที่เหลือเล่าที่นี่ไม่ได้เพราะติดเรท x
+++นิทานใหญ่(ที่ท่านไข่เชื้อเล่าไว้+++
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในบ้านแม่ทอม มีสองยายตาปลูกขนำอยู่ที่โคกทอมตก ตานั้นชื่อว่าตาคง แกเป็นคนชอบเล่นว่าว (เป็นว่าวจริงๆอะ) ประมาณว่าว่าวของตาคงนั้นตัวใหญ่มาก พอว่าวขึ้นแกก็ปล่อยไว้เช่นนั้นทั้งวันทั้งคืน วันหนึ่งม็องช็องของว่าวมันเอียง แกเลยบอกให้ยายหุงข้าวเหนียวห่อเตาะหมากให้ ได้แล้วแกก็ใช้เป็นเสบียงในการเดินทางขึ้นไปตามเชือกว่าวเพื่อไปปรับม็องช็องของว่าวให้ถูกต้อง แกเดินทางรอนแรมอยู่หลายวันก็ไปถึงตัวว่าว ในขณะที่ปรับม็องช็องอยู่นั้น ว่าวเกิดหลุดจากเชือก ว่าวก็ลอยไปตามลมและพาเอาตาคงติดไปด้วย อีกหลายวันว่าวและตาคงก็ไปตกที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ว่าวหักเสียหายหมดจึงต้องทิ้ง พบชาวบ้านกำลังชุลมุนวุ่นวาย ไม่มีใครสนใจตาคงและว่าวใหญ่ของแกแม้แต่น้อย ครั้นถามเขาว่าเป็นที่ไหนก็ไม่มีใครบอกได้ บอกได้แค่ว่าก็อยู่กันมานานตั้งแต่บรรพบุรุษแต่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหนเหมือนกัน ครั้นถามว่ากำลังทำอะไรกัน เขาก็บอกว่ากำลังนวดและซ้อมข้าวเหนียวเพื่อจะทำเหนียวเรียนเลี้ยงกันทั้งหมู่บ้าน เห็นแต่ข้าวเหนียวใส่ชันวางอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่เห็นมีทุเรียน ครั้นถามว่าทุเรียนอยู่ไหนเห็นมีแต่ข้าวเหนียววางเต็มไปหมดเป็นร้อยๆชัน เขาก็แหงนหน้าขึ้นฟ้าและชี้ขึ้นไปบอกว่าโน่นไงทุเรียน หล่นตั้งหลายวันแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงดินเสียที ถ้ายังไม่รีบไปไหนก็อยู่รอกินเหนียวเรียนกันก่อน ตาคงปฏิเสธว่าไม่พรือจะรีบหาทางกลับบ้าน แกก็ออกเดินต่อมาอีกหลายวัน ก็มาเจอชายคนหนึ่งเข้ากลางทาง ชายคนนั้นถามตาคงว่าเห็นควายของเขาผ่านมาทางนี้บ้างไหมตาคงบอกว่าก็ไม่เห็นเลย จึงถามถึงลักษณะของควายเผื่อว่าจะพบทีหลัง ชายคนนั้นจึงบอกว่าตัวมันก็ไม่เล็กไมใหญ่ แต่เขามันไปเกี่ยวเอาดาวและเดือนแหว่งไปแล้วหลายดวง พร้อมทั้งชี้ให้ดูเดือนบนท้องฟ้าที่มีอยู่แค่เสี้ยวเดียว กำลังจะร่ำลาแยกทางกัน ก็ได้ยิดเสียงดังตึงสนั่นหวั่นไหว ตามด้วยเสียงชัยโยโห่ร้องของคนนับพันมาจากทุกทิศ บ้างแบกบ้างทูนชันข้าวเหนียวบ้างหามสวดบ้างหามเตาวิ่งไปที่โคนต้นทุเรียน จะไปทำเหนียวเรียนกินกัน ตาคงจึงวิ่งตามคนอื่นไป ครั้นไปถึงทุกคนต้องตะลึง เพราะควายตัวที่ชายคนนั้นกำลังตามหา ได้ลงไปปลักกลิ้งเกลือกอยู่ในพูเรียนเสียสองพูแล้ว อย่างไรก็ตามส่วนที่เหลือก็ยังเลี้ยงคนได้เป็นพันแถมทำเรียนกวนไม่ใส่เม็ดในอีกต่างหาก กินเหนียวเรียนจนอิ่ม เอาเรียนกวนห่อเตาะ ร่ำลาชาวบ้านออกเดินทางต่อเพื่อหาทางกลับบ้าน จนกระทั่งมาถึงริมห้วยแห่งหนึ่ง มีต้นไม้ขึ้นอยู่ร่มรื่นนาๆชนิด เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆแกก็พบว่าต้นไม้เหล่านี้ออกลูกเป็นขวด บางต้นลูกกลมบางต้นลูกแบนแตกต่างกันไปแล้วแต่พันธุ์ไม้ โดนลมพัดกระทบกันดังกุ๊งกิ๊งระงมไปทั้งป่า ที่แก่ได้ที่ก็หล่นลงมากองที่โคนต้น ส่วนใหญ่ก้นขวดกระทบหินตอนหล่น ก้นของมันจึงบุบเข้าบ้างในเล็กน้อย ตาคงจึงเข้าใจทันทีว่าเออหนอ ขวดที่ใช้ๆกันอยู่มาจากต้นขวดที่นี่นี่เอง พอถึงหน้าน้ำขวดที่หล่นเรี่ยราดอยู่ทั่วไปคงจะโดนน้ำพัดพาลงไป คนก็เก็บไปใช้สอยใส่นั่นใส่นี่อย่างที่เห็นๆกันอยู่ ดังนั้นแม่น้ำสายนี้ก็คงจะไหลไปถึงที่แม่ทอมแน่นอน แกจึงเดินเลียบแม่น้ำตามสายน้ำลงมา หลายเดือนถัดมาแกก็กลับถึงบ้านพร้อมกับความรู้ใหม่ๆที่ไม่มีใครรู้มาก่อน ว่าขวดที่เราท่านใช้กันอยู่นั้นมันเป็นเพียงเปลือกของผลไม้ชนิดหนึ่ง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไข่ฮั่น
ไข่ฮั่นบ้านอยู่ริมคลองใกล้ๆหนองเบา แกมีหัวสถาปนิก ออกแบบบ้านและสร้างเอง ทำไปทำมามีมุขออกมาทั้งสี่ด้านมีช่อฟ้าใบระกา ชาวบ้านก็พูดกันว่าบ้านแกมีลักษณะเหมือนวัด หากเป็นคราวาสทำอยู่จะเป็นกาลกิณี จะจริงจะเท็จไม่เห็นจะทำให้ใครเดือดร้อน หากเจ้าตัวไม่ถือเสียอย่าง พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ห้ามไว้ในพระสูตร เป็นเรื่องที่ว่ากันเอาเอง ตาไข่ฮั่นและครอบครัวก็คงจะมีความไม่สบายใจอยู่พอสมควร เมียของตาไข่ฮั่นชื่อยายเหี้ยง แกเป็นคนเงียบๆทุนเดิมแกสติไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว ตอนแต่งงานอยู่กินกะตาไข่ใหม่ๆมาเจอสภาพบางอย่างที่ทำให้แกเข้าใจว่าตาไข่ไปมียายแคงเป็นเมียน้อย จะจริงหรือไม่จริงก็ไม่มีใครรู้ชัด แต่ยายเหี้ยงพาหญิงคู่กรณีไปฟ้องกำนันรุยให้ตัดสินว่าตาไข่จะเป็นผัวใครแน่ เลยไปเปิดฉากด่ากันต่อหน้ากำนันรุยซึ่งกลายเป็นผู้พิภากษาจำเป็น กำนันห้ามก็ไม่ได้หยุด ผู้พิภากษาแผนโบราณโมโหเลยตบเสียคนละทีแล้วไล่ออกจากบ้าน ทั้งสองคนมีเรื่องด่ากันมาตลอดอีกหลายปี ที่รุนแรงที่สุดยายเหี้ยงได้บุกเข้าไปในบ้านยายแคงคู่กรณีพร้อมด้วยมีดปาดตาลเล่มใหญ่ฟันต้นกล้วยทั้งสวนขาดระเนระนาด เสร็จแล้วบุกขึ้นไปบนบ้านฟันทุกสิ่งทุกอย่าที่ขวางหน้า บานหน้าต่างถูกฟันทะลุห้อยต่องแต่ง ยายแคงกับแม่ไหวตัวทันวิ่งหนีไปก่อนแล้ว ยายเหี้ยงได้กลายเป็นคนวิกลจริตสมบูรณ์แบบตั้งแต่วันนั้น แกลืมภาษาที่แกเคยพูดอยู่ทุกวัน แกพูดภาษากลางกับทุกคนตั้งแต่บัดนั้น แต่สำเนียงและคำพูดที่ใช้ฟังแล้วเหมือนหนังตะลุง ชาวบ้านจึงตั้งชื่อให้ว่า ข้าหลวงน้ำเคย
++++++++++++++++++++++++++++++++
ไข่ชุ่น
ไข่ชุ่นเป็นชาวหนองม่วง ก็เหมือนไข่อื่นๆคื่อแกชื่อไข่เฉยๆ ส่วนคำว่าชุ่นนั่นน่าจะมาจากฉายาที่เด็กๆสมัยโน้นตั้งให้ เพราะแกเป็นโรคประสาทอย่างอ่อนๆ หากเป็นสมัยนี้ก็คงจะเรียกกันว่าDown syndrome แกไม่ได้ทำมาหากินอะไร แต่แกก็มีกินอย่างสมบูรณ์จนแกจะติดไปทางอ้วน แกจะกินอยู่ตามงานศพ ส่วนงานบวชและงานมงคลอย่างอื่นแกไม่เข้า แต่ถ้าเป็นงานศพแกก็จะอยู่กินจนเผา มีใครตายที่ไหนแกจะไปถึงแทบจะพร้อมกับที่คนจะหมดลม โดยปกติแกไม่พูดเพราะแกพูดได้ไม่กี่คำ เด็กสงสัยกันว่าแกมีญาณคล้ายๆอีแร้งที่รู้ว่าจะมีคนตายที่ไหน ถิ่นหากินของแกเริ่มจากบางกล่ำ บางเหรียง บางหยี แม่ทอม คูเต่า คลองแห บ้านหาร ท่าช้าง แกเดินจากงานหนึ่งไปอีกงานหนึ่งได้ตลอดปี ทั้งปีต้องมีคนตายให้แกไปกินได้ตลอด หากไม่มีใครตายขัดสนเข้าก็อาศัยข้าววัด รอคนตายรายใหม่ หากจะช่วยเจ้าภาพบ้างแกทำงานอย่างเดียวเท่านั้นคือตักและขนน้ำ อย่างอื่นแกไม่ทำ ยังคิดอยู่ว่าตอนแกตายใครเป็นคนจัดการศพให้แก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไข่โขน
ได้ยินเขาเล่าว่าฉายาโขนหลังไข่นี้ได้มาเนื่องจากแกไปหัดเล่นโขน โดยดัดเอวดัดหลังจนสู้ไไหวจึงไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากโขนเป็นการแสดงของภาคกลาง จึงไม่ค่อยจะแน่ใจว่ามีความถูกต้องแค่ไหน วานลูกหลานช่วยต่อเดิมก็แล้วกัน ลุงไข่แกนุ่งผ้าชนิดพิเศษซึ่งถือเป็นแฟชั่นชั้นนำสำหรับชาวบ้านสมัยก่อน เริ่มต้นด้วยการชื้อผ้าขาวมาผืนหนึ่ง เย็บเป็นผ้าถุงขนาดพอดี แล้วเอาลงหมักในน้ำยาชนิดพิเศษซี่งทำเองจากเปลือกไม้ยางเหนียวนาๆชนิด ทำเสร็จผ้านั้นจะมีความเหนียวทนทานเป็นพิเศษ ใช้ได้เป็นปีๆโดยไม่ขาด ขนาดว่าผ้ามันทนทาน ลุงไข่ก็เช่นรุ่นพี่รุ่นพ่อเช่นกำนันรุย นายบ้านแนม ลุงเคว็ด และตาจันที่ใช้ผ้าอันทนทานกว่าผ้าลีวายส์นี้อย่างทนุถนอม เวลานั่งท่านจะไม่นั่งทับผ้า แต่จะปัดให้มันพ้นก้นก่อนจะนั่งลง นับว่าหนังก้นของท่านเหล่านั้นยังทนทานกว่าผ้าสูตรพิเศษนี้เป็นไหนๆ นั่งบนหนามงับยังไม่รู้สึกระคายเคือง...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไข่ตุด
ไข่ตุดได้ฉายานี้เพราะมีตุดที่ไข่ แกเป็นคนหน้าตาดี พูดจาสุภาพไพเราะสาวๆติดกันเกรียวมาตั้งแต่หนุ่ม ไข่ตุดจึงมีเมียมากมายหลายคนยากที่จะติดตามขึ้นทะเบียนได้ครบถ้วน เอาเป็นว่าแกเข้าขั้นนักรักตัวฉกาจของแม่ทอมเลยทีเดียว แกอยากเป็นตำรวจมากแต่ไปจับฉลากแล้วไม่ติด (สมัยก่อนตำรวจมีการเกณฑ์แบบทหาร) แกไปได้เครื่องแบบตำรวจมาจากไหนไม่รู้ชุดหนึ่ง หมวกไม่มีหน้าฉิ่งแกก็ทำเอาเองจากกระดาษซองบุหรี่กรุงทอง ปีหนึ่งแกจะได้ใส่เพียงครั้งเดียวคือในวันลากพระ เพราะถ้าใส่วันอื่นอาจจะเจอข้อหาปลอมแปลงเป็นเจ้าพนักงาน ใส่ชุดแล้วแกมักจะตั้งด่านตรวจทั้งทางรถทางเรือเป็นที่ครึกครื้น ตัวอย่างหนึ่งของการเป็นมีมธุรสวาจาของท่านไข่ตุด เป็นที่รู้กันดีว่าครูนพซึ่งเป็นครูเก่าแก่ของหมู่บ้านนั้นเป็นคนตระหนี่อย่างหาตัวจับยากในพิภพจบแดน แกซื้อรถจักรยานยนต์ฮอนด้า๕๐ซีซีใหม่เอี่ยมซึ่งอาจจะนับได้ว่าเป็นรถใหม่คันแรกของตำบลมาคันหนึ่ง ซึ่งแกทนุถนอมสมบัติชิ้นนี้มากกว่าป้าเลี่ยงเมียแกเสียอีก จริงๆแล้วแกหวงทุกสิ่งทุกอย่างที่แกเป็นเจ้าของ สำหรับรถเครื่องคันนี้จึงเป็นสุดยอดแห่งความหวงแหน แทบจะได้แบกไปโรงเรียนแทนที่จะขับ เนื่องจากเด็กๆและชาวบ้านไม่ค่อยจะได้เห็นรถเครื่อง พอแกขับวิ่งไปตามถนน เด็กๆก็ถึงขั้นต้องทิ้งชามข้าววิ่งออกมาดูและวิ่งตาม บางคนก็วิ่งขึ้นหน้านำไปไกล สาเหตุเพราะแกขับช้าๆ ถนอมเพราะกลัวรถเสีย ต่อมาเด็กจึงขนานนามรถคันนี้ว่า"ไอ้ทื่อ" พอไปจอดที่ไหนทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ล้อมดูกันไม่รู้เบื่อ เด็กคนไหนมือเถเที่ยวไปจับต้องรถเข้าอาจจะโดนหวดเอาง่ายๆ ประมาณสองสามเดือนหลังจากซื้อรถ ใครๆก็ให้มีอ้นต้องพิศวงงงงวย เมื่อเห็นท่านไข่ตุดสามารถยืมรถคันนี้ขับเข้าหาดใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า ใครถามว่าท่านไข่ตุดใช้วิทยายุทธกระบวนท่าใดจึงกล่อมครูนพได้แกก็ปิดปากเงียบไม่ยอมบอกใคร ต่อมาท่านไข่ตุดไปเข้าเส้นไหนไม่รู้ แต่ก็คงด้วยมนุษยสัมพันธุ์อันเยี่ยมยอดของแก ได้ไปทำงานเป็นยามอยู่ที่ม.อ.หาดใหญ่ นับเป็นความสมหวังอย่างหนึ่งของแกที่มาได้งานนี้ ความฝันที่จะได้เป็นดำรวจก็ได้เป็นจริงขึ้นมา ได้พกปืน ได้ตั้งด่านตรวจรถตรงประตูใหญ่คอยปิดเปิดไม้กั้นถนน จริงๆแล้วก็คือตำรวจนั่นเอง แต่เป็นตำรวจของมหาวิทยาลัย ชาวแม่ทอมได้เลื่อนตำแหน่งให้แกได้เป็นอธิการบดีก่อนที่จะเกษียณกลับมาอยู่ที่แม่ทอม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไข่หนู
ไข่หนูเป็นชาวหนองม่วงเหมือนไข่ชุ่น เป็นอีกคนหนึ่งที่สติไม่ค่อยสมประกอบ แกมีลูกหญิงชายหลายคนแต่ให้มีอันเป็นไปเหมือนกันหมด คือสติฟั่นเฟือนที่ชาวบ้านเรียกกันว่าบ้า โดยปกติหากไม่อยู่บ้านแกจะนั่งนอนๆอยู่ที่หลาต้นไข่เน่าที่หนองม่วงเฝ้าลูกไข่เน่า หากเป็นวันพฤหัส แกจะมาตลาดนัดวัดคูเต่าเอาลูกไข่เน่ามาขาย และเก็บของตกของหล่นที่คนมานัดทำตกไว้ อันว่าการเก็บของตกที่นัดนี้นิยมทำกันมานานในหมู่เด็กๆ พอนัดเลิกคนขายของเก็บของเสร็จก็พอดีโรงเรียนพัก พวกหาของตกจะรีบวิ่งไปที่ตลาดนัด เดินกวาดสายตาไปทุกตารางนิ้วเผื่อว่าจะเจอเหรียญสลึงเหรียญห้าสิบสตางค์หรืออะไรก็ได้ที่คนทิ้งหรือทำตกเอาไว้ กลิ่นตลาดนัดคูเต่านี่มีเอกลักษณ์เฉพาะของมัน เป็นกลิ่นโคลน ผสมกลิ่นเคยและปลาเน่า นึกแล้วอยากอ๊วก แต่สำหรับตอนนั้นมันคือการแข่งขันอย่างหนึ่งว่าใครจะเจออะไรที่มีค่าที่สุด ซึ่งไม่มีอะไรเคยมากไปกว่ายางเส้นและเศษสตางค์ ไม่เฉพาะแต่เด็กๆที่มาหาของตก ไข่หนูก็มาหาเช่นเดียวกัน แกถือไม้กระบองสีดำมะเมื่อมยาวท่วมหัว กระบองอันนี้เป็นอาวุธคู่กายของแก ใครเที่ยวไปตอแยอาจจะโดนทุบเอาง่ายๆ เมื่อต่างคนต่างมาหาของตก ผลประโยชน์ก็ขัดกัน ไข่หนูจะแสดงความไม่พอใจอย่างแรงหากเด็กเจอของ แกจะถือกระบองวิ่งมาตรงที่เด็กเจอแล้วหาบ้าง แบกกระบองเอาไว้บนบ่าเด็กๆต้องวิ่งหนีกันชุลมุล ไม่มีใครอยากจะอยู่ในรัศมีกระบองของไฃ่หนู
Updated โดย : บังเหล็ม วันที่ : 11/25/2009 16:19:52
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตามมาอ่านจากเวปแม่ทอมครับ ถ้าไม่มีบังตำนานแม่ทอมคงสาปสูญไปกับกาลเวลา เด็กรุ่นผมไม่มีใครรู้จัก คนรุ่นเก่าที่บังเอ่ยนามเลย ผมเคยถามหลายคนว่าบ้านเราไม่มีนายหนังบ้างหรือ ได้คำตอบจากผู้ใหญ่เหมือนกับเป็นความเชื่อว่าบ้านเราฮวงจุ้ยไม่ดีทำนองว่าไม่มีภูเขามีแต่ทุ่งอะไรเทือกนั้น ศิลปินเกิดไม่ได้ก็เกือบเชื่อไปแล้วผมเป็นคนเชื่ออะไรง่ายๆอยู่ด้วย หนังหมุนเคยได้ยินชื่อ จากการเที่ยวเล่นตอนเด็กๆ ยิงนกตกปลา ลักลูกปริง ลูกท้อน เคยไปลักขึ้นลูกพร้าวในสวนหนังหมุน ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับตัวหนังหมุนเลย นอกจาก รู้ว่ามีสวนร้างอยู่สวนหนึ่งริมคลองชายขอบหนองเบาที่ใครๆก็เรียกว่าสวนหนังหมุน ข้อเขียนของบังทำให้รักแม่ทอมซาบซึ้งกับอดีตขึ้นมาก เหมือนพึ่งได้รู้ว่าแม่ของเราก็ใช้ได้เหมือนกันแอบอิจฉาแม่คนอื่นมาตั้งนาน บังพยายามต่อไปนะครับในเวปแม่ทอมก็โพสไว้เรื่อยๆนะครับเขาลบได้บังก็เขียนใหม่ได้ คงมีคนอยากอ่าน อยากรู้ความคิดของบัง ติดตามสนใจอ่านหลายคนเหมือนกันนะครับ
ตอบลบเมื่อ20กว่าปีที่แล้วถ้า ลูกไม้อะไรในสวนของบังหายไปบ้างอาจเป็นฝีมือของพวกเด็กๆอย่างผมก็ได้ครับ แต่เดี๋ยวนี้นิสัยแบบนั้นไม่มีแล้วครับสนุกตามประสาเด็ก โตขึ้นก็สนุกตามประสาผู้ใหญ่ อีกหน่อยพอแก่ตัวลงไม่รู้ว่ายังมีเรื่องสนุกๆให้ทำอีกหรือเปล่าอย่างบังก็ดีนะครับเป็นห้องสมุดประวัติศาสตร์ไว้ให้ลูกหลานได้ค้นคว้า วันหนึ่งเราอาจมีบันทึกตำนานแม่ทอมที่รวบรวมโดยบังเหล็มเล่มหนา ในนั้นมีเรื่องราวของคนแม่ทอมให้ลูกหลานได้ภาคภูมิใจอยากเห็นจริงๆนะครับ
ตอบลบบังครับรู้สึกว่าแม่ทอมเราไม่ไน้อยหน้าตำบลอื่นเขาเลยเรามีศิลปินที่ยิ่งใหญ่ทางด้านจิตรกรรมและปฎิมากรรมคือท่านหนังหมุนและท่านไข่เชื้อเรามีสถาปนิกออกแบบบ้านและสร้างเองเรามีสิลปินที่เล่นโขนได้อีกมากมาย เราเคยมีหมอศัลยกรรมที่ยิ่งใหญ่เป็นหมอกระดูกคือ "ตากลับ"แต่เสียดายที่ลูกหลานไม่ได้มีโอกาสสืบทอดภูมิปัญญาเหล่านั้นทำให้ภูมิปัญญาเหล่านั้นสูญหายไปกับกาลเวลา มาถึงยุคสมัยนี้เรามี ศิลปะการแทงหยวกสำหรับเรือนมพระ โดยท่าน แอบ สุขสว่างและเพลงเรือแหลมโพธ์โดยปรมาจารย์ วร ชูสกุล ถ้าทั้งสองคนนี้ลาลับศิลปิน ศิลปะที่อยู่คู่กายของท่านคงหายสาบสูญไปด้วย..จะทำอย่างไรกันดีเพื่อให้ศิลปิน ศิลปะเหล่านี้มีผู้สืบทอดเพื่อดำรงรักษาใว้เพื่อให้ลกหลานแม่ทอมได้ศึกษา
ตอบลบบังครับบิ๊กตุดกับอธิการบดีตุดคงจะเป็นคนคนเดียวกันแล้วละครับ..บิ๊กตุดเมือก่อนเคยเป็นนายท้ายเรือแข่งที่ชื่อว่า สร้อยพยับ.ในปีนั้นที่บิ๊กตุดเป็นนายท้ายเรือรู้สึกว่าเรือ สร้อยพยับจะชนะได้ที่หนึ่งด้วยนะครับหลังจากนั้นมาบิ๊กตุดได้เป็นประธานกรรมการวัดสมัยพ่อท่านเซ้อแล้วมาลาออกจากกรรมการวัดสมัยพ่อท่านวรนับได้ว่าบิ๊กตุดนี้เก่งคนหนึ่งเหมาะสมแล้วที่ผู้คนตั้งให้เป็นบิ๊กตุด
ตอบลบ