28 กุมภาพันธ์ 2553

แป๊ะเซี่ยง

    หากจะพูดถึงโรงเรียนบ้านแม่ทอมและโรงเรียนวัดคูเต่าโดยที่ไม่พูดถึงแป๊ะเซี่ยง ก็เหมือนกับว่าจะไม่ครบเครื่อง เพราะแป๊ะเซี่ยงคือคนที่รับผิดชอบเรื่องที่ไม่มีใครอยากจะรับผิดชอบและยุ่งด้วยในโรงเรียนซึ่งเป็นภาระที่หนักหนาเอาการ หน้าที่นั้นก็คือภารโรง แป๊ะเซี่ยงบ้านอยู่ท่าคูเต่า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแกมีคุณสมบัติอะไรที่ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ และก็ไม่รู้ว่าแกเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พอจำความได้ก็เห็นแป๊ะเซี่ยงอยู่ในหน้าที่นี้เรียบร้อยแล้ว งานหลักของแกก็คือ ตักน้ำมาใส่โอ่งไว้ให้เด็กกิน ขนน้ำเข้าห้องส้วมไว้ให้ครูใช้ล้างก้นและราดส้วม เด็กไม่ได้พลอยใช้ด้วยหรอกเพราะส้วมในระยะแรกๆมีเอาไว้ให้ครูเท่านั้น เด็กต้องวิ่งออกไปปล่อยในป่า นอกนั้นแล้วแกก็มีหน้าที่ปลูกและรักษาต้นไม้ดอกไม้รอบๆ โรงเรียน กวาดขยะและสุดแล้วแต่บรรดาครูจะเรียกใช้ แกจะนุ่งกางเกงขาสั้นสีกากีและใส่เสื้อขาวแก่ซึ่งสีออกไปทางดำๆเหมือนของเด็กนักเรียนเพราะฤทธิ์เหงื่อเพราะแกมีอยู่ชุดเดียวและต้องใส่ทุกวัน ทำไมถึงต้องเป็นกางเกงขาสั้นสีกากีและเสื้อขาว? สงสัยว่าเป็นเครื่องแบบภารโรงที่ครูนพกำหนดขึ้นเพื่อให้ดูต่างจากครูซึ่งใส่กางเกงขายาว


ถ้าเป็นวันธรรมดา แป๊ะเซี่ยงจะมาถึงโรงเรียนก่อนใครๆเพื่อเปิดประตูและหน้าต่าง แต่ถ้าเป็นวันพฤหัส ซึ่งเป็นวันพิเศษเพราะเป็นวันที่มีตลาดนัด แกจะมาถึงเช้ากว่าปกติ หลังจากเปิดประตูหน้าต่างโรงเรียนเสร็จเรียบร้อย แกจะรีบไปที่ตลาดนัดเพื่อหาลำไพ่พิเศษด้วยการรับจ้างตัดผม ส่วนเช้าวันธรรมดาก่อนเข้าเรียนแกจะรับตัดให้เด็กๆนักเรียน แต่หากเป็นเช้าวันพฤหัสก็จะตัดให้กับลูกค้าทั่วไป เด็กๆชอบไปตัดผมกับแป๊ะเซี่ยงเพราะแกจะเล่านิทานในขณะที่ตัดผม ที่เพิงตัดผมของแกจึงมีเด็กๆเต็มทุกวัน ทั้งที่ไปตัดผมและที่ไปพลอยฟังนิทาน ซึ่งนิทานของแกส่วนใหญ่เป็นเรื่องจากหนังตะลุง หนังกลางแปลง และนิทานอีสปที่เล่าแล้วเล่าอีกซ้ำๆซากๆเพราะมี่ที่แกจำได้อยู่ไม่กี่เรื่อง

     ลูกสาวคนโตของแป๊ะเซี่ยงชื่อดีกำลังแตกเนื้อสาว ไม่ใช่จะแกล้งว่า แต่แกค่อนไปทางโหมละมากกว่าสวย แกคั่วลูกกอขายเด็กตอนพักกลางวัน เด็กๆเรียกแกว่าฉีดี ครูจิตรเป็นครูหนุ่มที่เพิ่งได้รับการบรรจุมาใหม่ บ้านของครูจิตรอยู่ที่น้ำน้อย แกไปเช้าเย็นกลับโดยขี่รถจักรยานไปมาทางเกาะหมี-ทุ่งปาบ-นารังนก แรกๆครูจิตรก็ไม่ได้คิดอะไรกับฉีดี เที่ยงๆแกก็ไปนั่งขบลูกกอที่เพิงของฉีดี แต่ฉีดีคิดว่าครูจิตรมาชอบแก ฉีดีเริ่มจีบครูจิตรอย่างออกหน้าออกตา ตามจีบอย่างไม่เกรงใจใคร แป๊ะเซี่ยงก็พลอยสนับสนุนหวังได้ลูกเขยครู จากที่เคยไปนั่งขบลูกกอคั่วตอนเที่ยงๆ ครูจิตรต้องหลบหน้าไม่ยอมโผล่ไปที่บริเวณที่แม่ค้ามาขายของตอนพักกลางวันอีก ประจวบกับครูจิตรโดนเสือหิวแถวๆทุ่งปาบปล้นเอารถจักรยานของแกไป ครูจิตรจึงจำเป็นต้องพักที่วัดคูเต่าอยู่พักหนึ่ง เล่ากันว่าคืนหนึ่งฉีดีบุกกุฎิครูจิตรและครูจิตรต้องปีนหนีออกทางหน้าต่างก่อนที่จะต้องปราชิกหรือโดนชาวบ้านขี้อิจฉาและล้อมกุฏิเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเจ้าอาวาสในยุคนี้

     พูดถึงข้าวเที่ยง ตอนโรงเรียนพักกลางวัน เด็กๆส่วนหนึ่งที่เอาข้าวห่อมาก็จะไปหาที่กินข้าว ส่วนใหญ่ก็ตามใต้ต้นไม้หรือไม่ก็ในบริเวณวัด มีคนเอาของมาขายเหมือนกัน แต่มีเด็กอยู่ไม่มากนักที่มีสตางค์พอที่จะซื้อกินได้หนึ่งอิ่ม ขนมโคตรบองของยายเห้งอันละสลึงทำด้วยข้าวเหลือจากวัด น้ำหวานถุงละสลึงดูดเฮือกเดียวหมด ข้าวยำจานละสลึงช้อนสองทีหมดจาน ข้าวแกงจานละห้าสิบสตางค์มีมันขี้หนูสองสามหัวและน้ำแกง เนื้อชิ้นน้อยๆหนึ่งชิ้นหากโชคดี จะขายแพงกว่านี้ก็ไม่มีใครมีสตางค์ซื้อ คนขายก็ไม่รู้จะขายใคร ที่ขายกันไปได้เพราะต้นทุนส่วนใหญ่เป็นของจากในสวน ส่วนครูนั้นจะกินจานละบาท เห็นข้าวจานละบาทที่ขายครูแล้วอิจฉา จานใหญ่กว่าและขายให้เฉพาะครูเท่านั้น หากเพิ่มอีกห้าสิบสตางค์ก็จะได้ไข่หนึ่งซีกด้วย คนขายข้าวแกงและข้าวยำคือป้าถั้นซึ่งเป็นเมียแป๊ะเซี่ยง จานละบาทนี่ไม่มีเด็กกินเพราะเกินงบประมาณ เด็กส่วนใหญ่หากได้สตางค์ไปโรงเรียนก็คือหนึ่งสลึง ห้าสิบสตางค์มีบ้างก็คือลูกครู ส่วนบังเป็นขาข้าวยำหากวันไหนไม่มีข้าวห่อ เช้าๆตอนเดินไปโรงเรียนก็เก็บผักเหนาะข้างทางไปด้วยเช่น ยอดหมุยและใบพาหมเป็นต้นเพื่อที่จะได้เอาออกมากินเป็นหมวดข้าวยำในตอนเที่ยงซึ่งช่วยให้อยู่ท้องขึ้นอีกเล็กน้อย หมวดชุดพิเศษนี้จะกินให้คนเห็นก็ไม่ได้ ต้องแอบกินเพราะตดกลิ่นพาหมเหม็นอย่างร้ายกาจจนครูสั่งห้ามป้าถั้นไม่ให้เอาพาหมมาทำหมวดข้าวยำขายที่โรงเรียน

      การโดนหวดด้วยไม้เรียวเป็นเรื่องปกติธรรมดาของนักเรียนเมื่อครั้งกระโน้น อะไรนิดอะไรหน่อยก็โดนหวดยันเต มีการหาหวายและไม้นมแมวมาไว้ที่โรงเรียนเป็นมัดๆเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ที่ตีเพื่อสั่งสอนให้หลาบจำก็มี ที่ตีตามอารณ์ปุถุชนที่ไร้เหตุผลของครูก็มีบ้าง ในบางครั้งพ่อเด็กแบกปืนลูกซองไปเจรจากับครูขี้โมโหที่โรงเรียนก็เคยมีตัวอย่าง แป๊ะเซี่ยงได้ถ่ายทอดคาถาให้เด็กๆไว้ท่องตอนโดนตี เล่าลือกันว่าชะงัดมาก ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นกำนันเจือ ซึ่งว่ากันว่ากำนันเจือยังใช้อยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ แต่ใช้เป็นคาถามหาละลวยแทน จะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ดูผลงานของท่านกำนันเอาเอง คาถานี้ได้มีการใช้สืบต่อกันมาหลายๆรุ่นหลังจากนั้น คาถามีอยู่สามพยางค์ "อึ-มึ-ทึ" วิธีใช้เมื่อโดนหวดต้องหลับตานึกถึงแป๊ะเซี่ยง กลั้นใจแล้วบริกรรมในใจให้เร็วที่สุด หากทำได้ถูกต้องโดนตีเท่าไหร่ก็จะไม่มีความเจ็บปวด อันคาถานี้ไม่ได้รู้กันแต่เฉพาะในหมู่เด็ก แต่ครูก็รู้เหมือนกัน ดังนั้นเวลาครูเจริญจะหวดใครแกก็จะชิงว่าเสียเอง...อึ-มึ-ทึ...ควั้บ...อึ-มึ-ทึ...ควั้บ...อึ-มึ-ทึ...ควั้บ...อึ-มึ-ทึ...ควั้บ...ควั้บที่ตามมาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคาถา แต่เป็นเสียงไม้เรียวกระทบก้น...

5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ1/3/53 15:00

    ยังจำได้ขนมโคตรบองของยายเห้งนี่สุดยอดกินอิ่มเวลาไปซื้อจะบอกว่าเอากากเยอะๆสำหรับวันหัสจะได้ตังส์มากหน่อยเพราะมีของหลายอย่างให้เลือกซื้อแต่สิ่งที่ซื้อก้คือขนมก่อสีขาวที่กินแล้วฝืดคอต้องคอยกินน้ำตามเข้าไปเป็นระยะถ้าไม่กินน้ำตามเข้าไปอาจจะติดคอตายได้เวลาวันเด็กที่ไรเกมส์ที่ครูจัดให้มีการแข่งขันกันนอกจากเป่าลูกโป่งให้แตกแล้วก็มีกินขนมก่อแข่งกันใครกินหมดก่อนเป็นผู้ชนะสำหรับขนมก่อที่ซื้อไม่ไช่อะไรหรอกต้องการเอาลูกแก้วที่อยู่ในขนมก่อต่างหากตอนเช้าซื้อขนมก่อเอาลูกแก้วหมดตังส์แล้วตอนเที่ยงไม่รู้กินอะไรก็อาศัยลูกเฟืองลูกไพบ้างประทังความหิว..เรื่องโดนครูตีแน่นอนที่สุดเป็นเรื่องปกติธรรมดาไม่เคยโดนไม้หวายโดนแต่ไม้กวาดเรียวพร้าวแต่โดนด้านโคนประจำครูเห้งนี่แหละต้นตำหรับการตีโดยจับด้านปลายแล้วตีด้วยด้านโคนคิดดูก็แล้วกันโคนไม้กวาดเรียวพร้าวเท่ากับขข้อมือเด็กโดนเข้าไปเหมือนโดนกระบองอย่างไรอย่างนั้น อึ มึ ทึ ก็เอาไม่อยู่

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ1/3/53 16:37

    อยากทราบตำนานการเล่นว่าวของคนแต่ก่อน โดยเฉพาะของลุง เชือน หัวนอนวัดพ่อของคุณพล ขอโทษหากจำชื่อลุงเขาผิด แต่จำคับคล้ายคับคราได้ว่าว่าวเป็นรูปคล้ายร่างคน สองตัวลอยอยู่บนฟ้าแล้วว่าวส่ายไปมาเข้าหากันทำนองนี้ขอยากให้บังช่วยนำมาเสนอนิด

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ2/3/53 15:00

    คงจะเป็นว่าวคนแต่คนที่คาดว่าวจำชื่อไม่ได้แล้วเมียแกชื่อไกล้ลูกคนโตชื่อเกลี้ยงเอกลักษณ์ว่าวของแกคือหัวยาวเขาบอกว่าถ้าว่าวหัวยาวจะตกไม่ไกลเวลาว่าวขาด ว่าวของแกหัวยาวทุกตัวแกมีลูกหลายคน..แพ็ค พล กลาย คนสุดท้องน้องสุดท้ายชื่อพลอย ว่าวของแกที่ดังที่สุดก็คือว่าว บุรุษกับว่าวสตรีเขียนให้ไพเราะถึงหน้าเก็บข้าวทุกปีจะมีการเล่นว่าวบางครั้งแกจะคาดว่าวขายว่าวของแกขึ้นดีทุกตัวนึกถึงบรรยากาศเล่นว่าวเมื่อก่อนตอนเด็กๆนี้สนุกมากมีเพลงบอกด้วยนะ...
    ถึงดูเก็บข้าว ชักว่าวกันมั่ง
    ชักว่าวป่าซัง หรอยจังกะพ่อถิ
    ผมอยู่จนเฒ่า ชักว่าวทุกปี
    พอลมพัดครี่ๆ ผมนี่ชักจริง
    พอลมพัดเพลียว นึกเสียวเส้นเอ็น
    ชักว่าวหวันเย็น เส้นเอ็นมันตึง
    เฝ้าชักเฝ้าดึง ตึงเอ็นลิ้นปี่
    ขึ้นติดลมบน มืดฝนพอดี
    เลิกชักเถอะพี่ ตอนนี้ถึงคราว

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ2/3/53 19:54

    ลุงเพียร ป้าไกล้ ทั้งสองคนมีอาการของโรคประสาทขนาดกลางๆ น่าสงสารมาก บ้านอยู่หมู่๓ อาศัยที่เขาปลูกขนำอยู่ ลุงเพียรมีอาชีพคาบตาลเหมือนบังเหล็ม ไม่ค่อยมีใครไปยุ่งกับแก เพราะแกโมโหร้าย ดีไม่ดีแกไล่ฟันเอาดื้อๆ กำนันเจือตั้งฉายาให้ลูกๆของลุงเพียรเรียงตามลำดับว่าว่า "ฉาด เกลี้ยง แผ้ว แมว เลีย พล" ลูกๆของแกเที่ยวสาเร่อยู่ตามวัด โรงเรียนก็ไม่ได้เข้า เช้าๆเด็กไปเข้าแถว พลน้องสุดท้องก็ไปขโมยกินข้าวห่อเด็กด้วยความหิวโหย

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ3/3/53 10:46

    ครอบครัวนี้น่าสงสารมาก พลอาศัยหลับนอนที่โรงพยาบาล พลอยงานบวช งานตาย งานแต่งงานไปทุกงาน...ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป... เกลี้ยง ฉาด แพ็ค พล กลาย พร้อม พลอย

    ตอบลบ