16 กุมภาพันธ์ 2553

โรงเรียนบ้านแม่ทอม

   ในแถบตำบลคูเต่าและแม่ทอมเมื่อประมาณก่อนปีพ.ศ.๒๔๖๐ โรงเรียนเพียงแห่งเดียวที่มีอยู่คือโรงเรียนโคกคา มีนักเรียนไม่กี่คนและครูหนึ่งคนซึ่งสอนทุกชั้น ตั้งแต่ชั้นป.๑ถึงป.๔ เนื่องจากบริเวณที่เรียกว่าโคกคาในสมัยโน้นเป็นที่ห่างไกลสำหรับทุกคน ชาวบ้านจึงตกลงกันที่จะย้ายโรงเรียนมาอยู่ที่วัดคูเต่าซึ่งเป็นจุดที่อยู่ตรงกลางสำหรับคนทั้งสองตำบล รวมทั้งวัดคูเต่าเป็นวัดใหญ่และสะดวกในเรื่องการคมนาคมเนื่องจากสมัยโน้นคลองอู่ตะเภาเป็นเส้นทางหลักในการไปมาหาสู่กับโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นทางเหนือน้ำคือเมืองหาดใหญ่ หรือเมืองสงขลาซึ่งไปทางใต้น้ำและทะเลสาบ อาคารเรียนหลังแรกคืออาคารที่อยู่ตรงเชิงสะพานแขวนที่เชื่อมกับตำบลคูเต่า

อาคารหลังนี้ได้ถูกรื้อถอนเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๓ หรือเมื่อเดือนที่แล้ว รายชื่อครูใหญ่รุ่นเก่าของโรงเรียนวัดคูเต่า
  1. นายเดช จรัสพันธุ์  ๒๔๕๙-๒๔๖๕
  2. นายอุไร สุมาลย์สิงห์ ๒๔๖๕-๒๔๖๖
  3. นายสอน สุวรรณวงค์ ๒๔๖๖-๒๔๖๘
  4. นายผัน วิริยะสมบัติ ๒๔๖๘-๒๔๖๙
  5. นายสุทธิ บัวลอย ๒๔๖๙-๒๔๗๐
  6. นายนพ บัวทอง ๒๔๗๐-๒๕๑๑
  7. นายทวีป บัวทอง ๒๕๑๒-๒๕๒๕
ครูนพ บัวทองคือหนึ่งในบรรดาครูรุ่นแรกๆ เนื่องจากครูคนอื่นๆอยุ่กันในระยะเวลาสั้นๆ ครูนพจึงเป็นครูคนเดียวที่ใครๆจำได้ นักเรียนรุ่นแรกๆน่าจะเป็นรุ่นครูเพิ่ม (พ่อครูสมพิณ) ครูแก้ว (พ่อครูออด)และครูคนอื่นๆที่อายุไล่เรี่ยกันซึ่งได้กลับมาเป็นครูต่อตามโรงเรียนต่างๆในตำบลในระยะต่อมา เนื่องจากการศึกษาภาคบังคับให้เด็กทุกคนจบอย่างน้อยชั้นป.๔ เป็นผลจากพระราชบัญญัติประถมศึกษาปีพ.ศ.๒๔๗๘ ซึ่งกำหนดให้เด็กที่อายุครบ๘ปีต้องไปเข้าเรียนชั้นป.๑ เนื่องจากการบังคับตามกฎหมายยังไม่เข้มงวด การส่งลูกเข้าโรงเรียนยังเป็นเรื่องความสมัครใจของพ่อแม่และเด็กแต่ละคน จำนวนคนเรียนจึงมีไม่มาก ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังมองว่า"เรียนก็ชาม ไม่เรียนก็ชาม" เอาลูกไว้ช่วยไถนาและทำงานบ้านจะได้ประโยชน์กว่า ครูจึงมีการไปเกณฑ์เด็กมาเข้าโรงเรียน จนกลายเป็นเรื่องวิวาทกันระหว่างครูกับผู้ปกครองอยู่เนืองๆ เด็กที่ไม่เคยเข้าโรงเรียนเลยจึงมีมาก และที่มาเริ่มแต่อยู่ไม่ถึงป.๔ก็มีเยอะ ที่เรียนจนจบป.๔จึงมีน้อยเต็มที จบแล้วสักพักหนึ่งก็อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เพราะลืมหมด ปีทั้งปีไม่เคยได้อ่านได้เขียน แถมไม่มีหนังสือให้ได้อ่าน จะมีบ้างก็คือเศษกระดาษที่มากับห่อเคย(กะปิ) จะอ่านก็ไม่ถนัดเพราะว่ามันเหม็น ชาวแม่ทอมที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้การศึกษากับตัวเองโดยการอ่านกระดาษห่อเคยคือพ่อหลวงเส้ง(พ่อครูหลุบ) แกมักจะมีเรื่องมาเล่าให้ใครต่อใครฟังอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเรื่องที่แกอ่านมาจากเศษกระดาษที่หล่นปลิวอยู่ที่ตลาดนัดคูเต่าหรือกระดาษห่อของห่อเคยแล้วแต่ว่าจะหยิบได้

เมื่อประมาณปีพ.ศ.๒๔๙๕ได้มีการสร้างอาคารเรียนแห่งใหม่ขึ้นทางด้านทิศใต้ของบริเวณวัดคูเต่า (อาคารนี้มีลักษณะเป็นรูปตัว L) หลังจากทางการประกาศใช้แผนการศึกษาแห่งชาติฉบับปีพ.ศ.๒๕๐๓ โรงเรียนวัดคูเต่ามีการขยายการเรียนการสอนจากระดับสูงสุดป.๔เป็น ป.๗ อาคารหลังเก่าที่เชิงสะพานก็ยังมีการใช้งานอยู่เป็นครั้งคราว เช่นเวลาหน้าน้ำ เนื่องจากที่ไหม่ที่ย้ายไปเป็นที่ลุ่ม อาคารใหม่มีการยกพื้นจนพ้นระดับน้ำโดยอาศัยสถิติของระดับน้ำโดยเฉลี่ยในแต่ละปี แต่อาคารเรียนชั่วคราวของชั้นป.๑นั้นจะมีน้ำเกือบถึงเอว จึงต้องไปพึ่งอาคารเรียนหลังเก่าและโรงธรรมตลอดหน้าฝน ในช่วงที่น้ำขึ้นสูงสุด โรงเรียนมักจะจำเป็นต้องปิดสองหรือสามสัปดาห์แทบทุกปีเพราะเด็กไปโรงเรียนไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำบนถนนบางช่วงสูงกว่าระดับกางเกง ในช่วงปีพ.ศ.๒๕๐๐-๒๕๑๕มีครูประจำหลายคนเช่น ครูนพ บัวทอง (ครูใหญ่) ครูวีระ เถาสุวรรณ ครูกันยา แก้วชูชื่น (ครูกล้ำ) ครูเจริญ สังขกุล ครูสงวน สุวรรณวงค์ ครูดุสิต แสงดี ครูเขื้อม เพชรสุวรรณ ครูมานะ สวัสดิกานนท์ ครูวัน รัตนชัย ครูชูศรี โสธะโร ครูจิตร เจริญดี ครูวิภาภร อนุภักดิ์ ครูอุทุมพร สังคหะ ครูกุศล มาลากุล ครูสุจินต์ และครูหลุบ ครูสมพิณ ครูหลายคนไม่ได้อยู่นานจึงอาจจะดูเเหมือนว่ามีครูมากมาย แต่จริงๆแล้วมีอยู่ไม่เกิน๘คนในแต่ละช่วง

ประมาณปีพ.ศ.๒๕๑๐โดยการนำของครูนพ มีการเรี่ยไรรวบรวมเงินจากชาวตำบลแม่ทอมเพื่อซื้อที่ดินเป็นที่สร้างโรงเรียนแห่งใหม่ บริเวณที่เหมาะสมและได้รับเลือกคือที่ๆที่ชาวบ้านเรียกกันว่า"สวนป่ากลาง" ซึ่งเป็นบริเวณนาและสวนที่มีป่ารกทึบอยู่ตรงกลาง เป็นที่อยู่ของมูสัง ลิงป่าและงูใหญ่นาๆชนิด เป็นที่ดินของชาวตระกูลสังฆโณ พื้นที่ค่อนข้างจะแตกต่างกับสภาพที่เห็นอยู่ในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง นอกจากจะเป็นป่ารกเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่แล้ว ยังเต็มไปด้วยจอมปลวก และที่ลุ่มน้ำขัง กว่าจะปราบพื้นที่ได้ราบเรียบก็ใช้เวลาหลายปี ซึ่งทั้งหมดไม่ได้อาศัยเครื่องจักรแม้แต่น้อย การปราบพื้นที่เป็นไปด้วยแรงคนล้วนๆอาศัยพร้า ขวาน เลื่อย จอบ และเสียม


ประมาณปีพ.ศ.๒๕๑๓ อาคารเรียนก็แล้วเสร็จ และมีการย้ายโรงเรียนอย่างเป็นทางการจากวัดคูเต่ามาที่ๆแห่งใหม่ จากโรงเรียนวัดคูเต่าก็กลายมาเป็นโรงเรียนนบ้านแม่ทอม สภาพพื้นที่ยังไม่สม่ำเสมอนัก บางส่วนยังเป็นที่นา ชาวบ้านยังคงช่วยกันอน่างขยันขันแข็งที่จะพัฒนาพื้นที่ มีการสร้างบ้านพักครูหลังแรก ซึ่งดูเหมือนว่าบ้านที่ได้มาใช้แค่๑ใน๔ของงบประมาณที่ได้รับ วัสดุที่ใช่ก่อสร้างและฝีมือแทบจะพอๆกับที่ชาวบ้านทำขนำ ส่วนที่ไม่ได้รับแต่หายไปคือส่วนที่ชาวบ้านและโรงเรียนไม่อาจจะเข้าใจและตรวจสอบได้เพราะเกิดขึ้นในระดับจังหวัด ชาวบ้านมาเห็นตัวบ้านเมื่อทำเสร็จต่างก็พากันสาปแช่งกันทั่วถ้วน ด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ ครูวันประกาศว่าจะย้ายมาอยู่เป็นคนแรกทั้งๆที่บ้านตัวเองอยู่ห่างไปแต่๑กม. ครูวันเลยโดนเขม่นโดยคนที่ไม่พอใจสภาพของบ้านและไม่รู้จะระบายกับใคร การที่ครูวันจะเข้าอยู่ในบ้านหลังนั้นจึงกลายเป็นเป้าระบายความหงุดหงิดของเจ้าถิ่นหลายๆคน วันแรกที่ครูวันใขกุญแจบ้านพักครูหลังใหม่เพื่อขนของเข้า แกจึงแทบจะลมใส่ เพราะเจอส้วมใหม่เอี่ยมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน มีคนไปอึใส่ไว้จนล้นคอห่าน แถมเรี่ยราดเอาไว้ทั่วห้องน้ำ ประมาณกันว่ามีผู้ปฎิบัติการอย่างน้อย๓คนและใช้เวลาอย่างน้อย๓วันจึงได้ปริมาณมากพอที่ทำให้ครูวันแค้นจัดและพยายามสืบอยู่เป็นปี แต่ดูเหมือนว่าจะหาหลักฐานอะไรไม่ได้นอกจากกองขี้ หลายปีผ่านไปเรื่องนี้ก็ยังไม่หมดกลิ่น กลายเป็นตำนานของโรงเรียนบ้านแม่ทอม ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าครูวันหาตัวคนขี้ใส่บ้านเจอหรือเปล่าและไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าหาเจอแล้วแกจะทำอย่างไร


8 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17/2/53 08:51

    บังน่ากลัวทีมงานอึใส่โถส้วมบ้านพักครูในตอนนั้นสมาชิกคนหนึ่งน่าจะอยู่ในทีมงานที่เขียนในกระดานดำที่โรงเรียนบ้านแม่ทอมว่า "นายจิตร เจริญดีหุม"แน่ๆครูจิตรน่าจะลมใส่จริงๆเมื่อมาเห็นที่ป้ายกระดานผมเองยังนึกขำอยู่เลยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร ขำกลิ้งทุกที เจริญไม่ไช่เจริญเปล่าๆแต่มีดีหุมเข้าไปด้วยนี่ซิท่านที่เขียนถ้าได้อ่านคงจะจำได้ในสิ่งที่ตัวเองเขียนบอกแล้วไงความจำผมดี อิ อิ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ18/2/53 11:14

    ครูอุทุมพร สังคหะ ชื่อเล่นว่าแดงหรือเปล่ากับวลีคำอุทานที่ลือลั่นโรงเรียนแม่ทอมว่า อุ๊ย!ตายแป๊ะเซี่ยงเห็นของแดงหมดแล้วถ้าเป็นครูแดงนี้เมื่อก่อนลูกพี่เสือลอยจีบอยู่ส่งทุกตอนเย็นด้วยยามาฮ่าวาย50มาตฐาน เล่นจีบครูกันเลย
    แล้วก็ฮิตกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทั้งครูประจำทั้งครูฝึกสอนถ้าหน้าตาดีหน่อยรับรองเสร็จงูเหลือมแม่ทอมทุกรายไม่เชื่อถามกำนัน.จ.ได้

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ25/2/53 09:27

    แป๊ะเซี่ยงเห็นอะไรของครูแดงอ่ะ?

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ25/2/53 12:10

    ก็รู้ๆอยู่สมัยก่อนส้วมของโรงเรียนไม่มีน้ำประปาแบบสมัยนี้เมื่อก่อนภารโรงก็ต้องมีหน้าที่หาบน้ำจากบ่อใส่ถังพาไปใส่ตุ่มในห้องน้ำเพื่อให้นักเรียนและครูใช้ล้างก้นอาจจะเป็นเหตุสุดวิสัยกลอนประตูห้องน้ำไม่มีหรือไม่ดีไม่อาจทราบได้แป๊ะเซี่ยงก็ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยได้เห็นต่างคนต่างปฎิบัติหน้าที่กลอนประตูเป็นเหตุส้วมสมัยก่อนก็เป็นเหตุ...แล้วคุณคิดว่าแป๊ะเซี่ยงเห็นอะไรละ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ26/2/53 07:54

    แป๊ะเซี่ยงคงจะเห็นเลขสามตัวเรียงกันอยู่ เลข 1 อยู่บนสุด ถัดลงมาเป็นเลข 0อารบิค ล่างสุดก็เลข ๐ ไทย

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ26/2/53 12:12

    แป๊ะเซียงเป็นใครอยู่ทีื่ใดประวัติความเป็นมาอย่างไรครับบัง

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ28/10/54 15:47

    ตอนนั้นไม่รู้ใครไปเปลียนชื่อครูบนกระดานดำหมดเลย..เช่น นายทวีป บัวทอก..นายวัน รัตนชัยหน..นายจิตร เจริญดีหุม..น้ำตาเล็ดทุกทีเมื่อนึกถึงเรื่องนี้

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ27/7/55 20:14

    รักแม่ทอม ทุกสิ่งทุกอย่าง สอนลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปได้เสมอ

    ตอบลบ