06 ธันวาคม 2552

แม่ทอม.... จากทางเดินบนคันนาสู่ถนนสายเอเชีย



แม่ทอมในอดีตคือหมู่บ้านที่ห่างไกลจากตัวเมือง ทั้งๆที่อยู่ห่างหาดใหญ่แค่๑๐กม และห่างจากสงขลาแค่๒๐กม หากจะไปหาดใหญ่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงโดยเรือหางยาว รวมเวลาที่เรือต้องจอดรับคนตามท่าต่างๆ ไม่รวมเวลาที่ต้องจอดรอผู้โดยสารที่กำลังอาบน้ำกำลังอึ หรือกินเข้าวอยู่ตอนเรือมา ส่วนทางถนนนั้นไม่ต้องพูดถึง รถสี่ล้อแทบจะไม่มีสิทธิ์วิ่ง เพราะบนถนนก็คล้ายๆกับคันนา มีแต่รอยทางเดินเท้า สะพานข้ามคลองอู่ตะเภาที่รถวิ่งได้มีเพียงที่เดียวคือที่ข้างที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งเปิดใช้ประมาณปีพ.ศ.๒๕๐๕ ส่วนสะพานรถไฟที่ท่าไทรซึ่งสร้างในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองก็ผ่านได้เฉพาะรถสองล้อ สรุปแล้วแม่ทอมคือแดนห่างไกลกันดาร ถนนที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้เพิ่งจะมาสร้างกันเมื่อในรอบ๓๐ปีที่ผ่านมา สมัยนี้แม่ทอมห่างจากหาดใหญ่แค่๑๐นาทีและห่างจากสงขลาแค่๑๕นาที ถนนสายใหญ่ๆเกิดขึ้นมากมายเชื่อมหาดใหญ่เข้ากับเมืองอื่นๆ ชาวแม่ทอมจึงเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ไกลแสนไกลเท่าที่ถนนจะไปถึง....จวบจนกระทั่งบัดนี้ เด็กแม่ทอมรุ่นใหม่ได้พัฒนาจากการตะโกนข้ามรั้วหรือข้ามทุ่งของคนรุ่นก่อน มาติดต่อพูดคุยกันข้ามเมืองข้ามทวีปโดยใช้โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต การพัฒนาของมือถือและอินเทอร์เน็ตก็เหมือนๆกันกับการเกิดขึ้นของถนนหนทางในยุคที่ผ่านมา เริ่มจากเราเดินจากคันนาสู่ถนนหมู่บ้านและสู่เมือง ตอนนี้เราสามารถเชื่อมต่อบ้านของเราเข้ากับโลกภายนอกโดย information network ไม่ว่าจะเป็นมือถือหรืออินเทอร์เน็ต ล้วนเป็นเส้นทางสายใหม่ ที่เริ่มจะมีบทบาทต่อชาวแม่ทอมรุ่นใหม่

ไม่ลำบากนักหากเรานึกถึงภาพของถนนสำหรับรถวิ่งและเห็นการเชื่อมที่ต่างๆบนผิวโลกเข้าด้วยกัน แต่ค่อนข้างจะลำบากนิดหน่อยหากจะจินตนาการถึงว่าระบบอินเทอร์เนต เชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างไร อย่างไรก็ตาม โดยพื้นฐานแล้วอินเทอร์เน็ตก็เหมือนๆกับการเชื่อมต่อกันของถนนที่เห็นในแผนที่ จากทางเข้าบ้านของแต่ละบ้านสู่ถนนของหมู่บ้าน จากหมู่บ้านสู่เมืองจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งและต่อๆกันไป หากว่าใครจะขับรถจากแม่ทอมไปออสเตรเลียก็ย่อมทำได้ แต่บางช่วงอาจจะต้องเอารถขี่เรือ ในระบบอินเทอร์เน็ตก็เช่นเดียวกัน เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นโยงใยคล้ายๆใยแมงมุมที่ขึงดักแมลง จุดต่างๆบนใยแมงมุมจะเชื่อมต่อกันอยู่ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ในระบบของอินเทอร์เน็ต รถเข้าไปวิ่งไม่ได้แต่มีinformationซึ่งเปรียบเสมือนรถที่ไม่มีคนขับวิ่งไปวิ่งมา informationที่ว่านี้คือเลขฐานสอง ซึ่งงแทนด้วยสองสถานะของไฟฟ้าคือมีศักดา (หรือ1)และไม่มีศักดา(หรือ0) สิ่งเสมือนรถนี้เรียกว่าpacket .ในแต่ละpacketจะมีinformationว่ามาจากไหน (เลขIPของเครื่องที่มา) จะไปไหน(เลขIPของเครื่องที่เป็นจุดหมายปลายทาง) ส่วนนี้เรียกว่าส่วนหัว ส่วนถัดมาคือส่วนที่เป็นกระบะของรถสำหรับใช้บรรทุกของ ของในpacketก็คือinformationต่างๆที่เราส่งกันทางinternetเช่นข้อความ รูปภาพ และอีเมลล์เป็นต้น แต่ละpacketจะมีinformationประมาณ1000bytes หรือเท่ากับ1000ตัวอักษร (แต่ละตัวอักษรหรือ1byte มี 8bits , เช่น A=01000001 และ Z=01011010 เป็นต้น) สมมติว่าเราจะส่งไฟล์รูปภาพขนาด50K Bytesไปที่ขอนแก่น คอมฯของเราจะแยกไฟล์ออกเป็น50 packets คอมฯที่อยู่บนเน็ตซึ่งเรียกว่าrouterจะรับส่งpacketsกันต่อๆกันไปเป็นทอดๆ เนื่องจากแต่ละpacketมีที่มาที่ไปอยู่ในส่วนหัว การเดินทางของpacketแต่ละตัวอาจจะไม่ได้ใช้เส้นทางเดียวกันบนเน็ต เช่นตัวแรกอาจจะไปทาง สงขลา-นครฯ-สุราษฯ-กรุงเทพฯ-โคราช-ขอนแก่น อีกตัวอาจจะไปทางสงขลา-มาเลย์-สิงคโปร์-ญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ-เชียงใหม่-หนองคาย-ขอนแก่น คอมฯที่ขอนแก่นจะเก็บpacketที่มาจากหลายๆเส้นทางมารวมกันเหมือนของเดิมเป็นภาพให้ดูได้ ระบบทั้งหมดที่ทำให้คอมฯทุกเครื่องรู้ว่าจะแตกไฟล์เป็นpacketที่ต้นทาง ส่งต่อกันบนเน็ต และรวมกันใหม่ที่ปลายทางเป็นมาตรฐานที่ตกลงกันทั่งโลกเรียกว่า TCP/IP หรือ Transmission Control Protocol / Internet Protocol สาเหตุที่ต้องมีการ.แตกไฟล์ออกเป็นpacketเพราะแรกเริ่มกระทรวงกลาโหมของอเมริกาเป็นผู้ออกแบบระบบ เขาต้องการให้ระบบสามารถอยู่รอดได้ถึงแม้จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ เพราะpacketsจะยังสามารถไปสู่จุดหมายได้หากว่าเมืองบางเมืองถูกทำลายลงทั้งเมืองโดยอาศัยเส้นทางอื่นๆที่ยังเหลืออยู่

เน็ตมีอยู่สองส่วนใหญ่ๆ คือส่วนที่เป็นของผู้ให้บริการ และส่วนของผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการคือใครก็ได้ที่อยากต่อคอมฯเข้ากับiอิเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการเป็นเสมือนเจ้าของท่ารถบนถนนระหว่างเมืองที่ต้องเป็นภาระต่อคอมฯในแต่ละบ้านเข้ากับอินเทอร์เน็ตผ่าน"ท่าของเขา" ส่วนถนนหรือเน็ตก็เป็นสมบัติของอีกพวกหนึ่ง อย่างเช่นองค์การโทรศัพท์หรือบริษัทอื่นๆ มีการวางสายเคเบิลใต้น้ำเชื่อมทุกทวีปเข้าด้วยกันด้วยไฟเบอร์ออพติคและบ้างก็ใช้ดาวเทียม อินเทอร์เนตจึงเชื่อมโลกเข้าไว้ด้วยกัน ข่าวสารเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงไปสู่ทุกส่วนของโลก ระยะทางอาจจะยังเป็นความห่างไกลสำหรับถนนบนผิวโลก แต่แทบจะไม่ต้องอาศัยเวลาสำหรับข่าวสาร นับว่าเราโชคดีที่สุดที่เกิดมาในยุคปัจจุบัน หากเทียบกับคนยุคก่อนๆที่คนอยู่กันมาเป็นพันๆปีโดยที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมายเหมือนในช่วงอายุเรา คนเพิ่งประดิษเครื่องบินได้เมื่อร้อยปีก่อน ทีวีเมื่อห้าาสิบปีก่อน คอมฯที่ชาวบ้านซื้อมาใช้ได้เมื่อ๒๕ปีก่อน Windows ๙๕ เมื่อ๑๕ปีก่อน และอินเทอเน็ตก็เพิ่งเข้าถึงมือชชาวบ้านในประเทศที่พัฒนาแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน

เป็นที่น่าเสียดายที่มีคนในแม่ทอมไม่กี่คนที่มีโอกาสได้ท่องอินเทอร์เน็ตและเรียนรู้จากแหล่งความรู้ทั่วโลก บังเหล็มหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คนที่มีโอกาสตอนนี้จะบุกเบิกและกรุยทางให้คนแม่ทอมที่ยังอยู่ข้างหลัง ให้ได้มีโอกาสสัมผัสกับความรู้ในสาขาต่างๆอย่างเต็มที่ เมื่อก่อนหากอยากจะรู้อะไรก็ต้องไปห้องสมุด และห้องสมุดก็อาจจะไม่มีเรื่องที่ต้องการให้ค้น เดี๋ยวนี้แค่กูเกิ้ลเอาก็ได้ทันทีทันใด ไม่ว่าความรู้นั้นจะอยู่ที่ส่วนไหนของโลก....

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ15/1/53 14:23

    เห็นด้วยอย่างยิ่ง อยากให้แม่ทอมพัฒนา ด้านเทคโนโลยีในเรื่องการใช้wifiทั้งตำบลและมีสถานที่ให้บริการwifiแก่ประชาชนเพื่อเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ15/1/53 14:28

    ให้ อบต.แม่ทอมพัฒนาถนนเพราะว่าตอนนี้ถนนชำรุดมากแล้วและกรุณาติดไฟถนนด้วยค่ะ ขอขอบพระคุณค่ะ


    จากเด็กสทิงพระที่ไปเที่ยวแม่ทอม

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ2/2/53 19:36

    ถนนไม่รู้เมื่อไหร่ อบจ จะมาซ่อมให้ ไฟฟ้าปัญหาอยู่ที่หม้อแปลงไม่พอแรงตอนนี้ อบต แก้ปํญหาเฉพาะหน้าตัดกิ่งไม้ที่พาดสายไฟแรงต่ำ

    ตอบลบ