19 ธันวาคม 2553

ที่นี่และที่นั่น เมื่อเดือนสิงหาฯ ๒๕๕๓ (ตอนที่ ๒)

เช้าวันอาทิตย์ อาลันและคนขับรถมารับราวๆสิบโมง สำหรับโปรแกรมวันนี้ก็คือพาเราไปเที่ยวสถานที่ต่างๆในเมืองเซี่ยงไฮ้ และจะไปดูworld expoซึ่งเป็นจุดสนใจของชาวโลกในขณะนั้นว่ายิ่งใหญ่อลังการไร้เทียมทานกันในช่วงบ่ายถึงกลางคืน เราเริ่มต้นด้วยอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นก๊วยเตี๋ยวหมูตุ๋นเครื่องยาร้านโปรดของอาลัน (ใช่แล้วบังเป็นแขกแม่ทอมจึงกินหมูได้) ก็อร่อยขาดใจจริงๆเหมือนกัน ถ้วยเบ้อเริ่ม หมูเนื้อนุ่ม หวานมันเค็มพอเหมาะผสมกลิ่นเครื่องยาเล่นเอาบังขอดจนหยดสุดท้าย อาลันรู้ทันจะสั่งให้อีกถ้วย บังต้องรีบบอกว่าไม่เอาแล้วเพราะกลัวไขมันจะอุดเส้นเลือด หัวใจวายตายที่ตรงหน้าร้านให้ต้องเป็นข่าว ออกจากร้านสตีฟอยากจะซื้อของฝากเมีย อาลันเลยพาไปที่ตลาดแห่งหนึ่งซึ่งดูคล้ายๆกับตลาดกิมหยงที่หาดใหญ่ จะผิดกันก็ตรงที่เป็นตึกใหญ่หลายชั้น เป็นแหล่งรวมของสินค้ายี่ห้อดังๆทุกชนิด เช่นlouis vuitton gucci และอะไรทำนองนั้น ซึ่งนับเป็นศิลปะการปลอมแปลงที่เยี่ยมยอดของชาวจีน อาลันคงจะนำแขกของเขามาซื้อของที่นี่บ่อย หลายร้านจึงรู้จักเขาเป็นอย่างดี อาลันสั่งเด็ดขาดว่าให้ต่อราคาของได้ตามสบาย แต่ห้ามซื้อจนกว่าเขาจะมาร่วมตกลงราคาด้วยก่อนจ่ายเงิน ไม่งั้นจะโดนแหกตา ซึ่งก็จริงของเขา สตีฟคิดว่าต่อราคาได้ดีที่สุดแล้ว อาลันมาต่ออีกรอบได้ลดอีก๓๐% ในระหว่างดูนั่นดูนี่ อาตี๋รายหนึ่งจะขายโรเล็กซ์ให้ให้บังให้ได้ บังก็รู้อยู่ว่าไอ้โรเล็กซ์ปลอมนั้นมันมีแต่รูปร่างและชื่อที่บอกไม่ได้ว่าอันไหนจริงหรือปลอม แต่หากเอามาใส่แล้วบอกเวลาไม่ตรงหรือใช้ได้ไม่กี่วันแล้วเสีย บังใช้ไซโก้เรือนเก่าดีกว่า มันลดราคาครั้งแล้วครั้งเล่า ลดจนเหลือประมาณ๖๐๐บาทไทย บังก็ยังไม่ซื้อ มันเลยโกรธถามว่าให้ฟรีเอาไหม? บังบอกว่าให้ฟรีก็ไม่เอา แถมตังค์อีกบังก็ไม่เอา เพราะบังไม่ใช่พวกบ้ายี่ห้อ สงสารมันก็เลยซื้ออะไรอย่างอื่นที่เห็นว่าพอจะมีประโยชน์ ธุรกิจของปลอมในเมืองจีนเขาทำกันเป็นล่ำเป็นสัน เนื่องจากสินค้าแทบทุกอย่างในปัจจุบันจะมีโรงงานอยู่ในจีนไม่ว่าจะยี่ห้อไหน และโรงงานส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของโดยเจ้าของสินค้า แต่เป็นของชาวจีน กลางวันจึงเป็นการทำสินค้าให้คนสั่ง ส่วนกลางคืนก็ทำสินค้าชนิดเดียวกันออกมาขายเอง เนื่องจากความกดดันจากนาๆประเทศ จีนก็พยายามที่จะแสดงถึงความรับผิดชอบด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็เป็นเหมือนแค่การแสดง อย่างที่ตลาดแห่งนี้ก็เช่นกัน ในแต่ละร้านจะมีห้องลับแอบอยู่หลังตู้โชว์สินค้า การซื้อขายของเถื่อนก็จะเข้าไปทำกันอยู่ในนั้น มีคนดูต้นทางอยู่ในหลายจุดและคอยส่งสัญญาณหากว่าเจ้าหน้าที่จะมาจับกุม

๔โมงเย็น ความร้อนจากเปลวแดดค่อยซาลง แต่ความอบอ้าวและความซื้นกลับดูเหมือนว่าจะมีความระอุเพิ่มยิ่งขึ้น เราพากันไปที่สถานที่จัดงานworld expoซึ่งอยู่ในตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ อาลันเล่าให้ฟังว่าที่ตรงนี้เคยเป็นที่ซึ่งใช้ทั้งเป็นที่อยู่อาศัยและอย่างอื่นตามแบบฉบับของเมืองใหญ่และเก่าแก่ คนจำนวนหลายหมื่นคนเคยอาศัยอยู่ในที่ตรงนี้ เนื่องจากชาวจีนนั้นไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ที่ทั้งหมดเป็นของรัฐ จึงเป็นการง่ายมากมากที่ทางการของจีนจะเอาที่ไม่ต่ำกว่า๒๐ตารางกิโลเมตรนี้มาทำเป็นที่สำหรับจัดงานworld expo

งานworld expoเริ่มจัดครั้งแรกเมื่อปี๑๘๕๑ที่กรุงลอนดอน เป็นงานที่นาๆชาติจัดขึ้นเพื่อโชว์อะไรต่างๆเกี่ยวกับประเทศของตัวเอง คราวนี้จีนมีโอกาสเป็นเจ้าภาพ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาฯมาจนถึงปลายเดือนตุลาฯปีนี้ มีคนเข้าชมทั้งหมดประมาณ๗๐ล้านคน ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นชาวจีนเสียเป็นส่วนใหญ่ ลักษณะของงานประเทศต่างๆจะมีศาลาของประเทศตัวเองซึ่งภายในจะมีโชว์ชนิดต่างๆเท่าที่ประเทศนั้นอยากจะจัดให้คนได้ดู ถ้าหากจะดูกันให้ครบถ้วนจริงๆก็คงจะใช้เวลากันเป็นหลายๆอาทิตย์ ไม่ใช่แค่๔ชั่วโมงแบบที่บังไปดู แต่ถ้าให้ดูเป็นอาทิตย์บังก็คงจะไม่เอาเหมือนกัน แค่๔ชั่วโมงก็ค่อนข้างที่จะเบื่อแล้ว เพราะว่าให้ถึงที่สุดแล้วก็ "มันเป็นเช่นนั้นเอง"

เราเริ่มต้นกันที่ศาลาจีน ซึ่งใครๆก็ว่ามันยิ่งใหญ่มโหฬารกว่าใครอื่นทั้งหมด มองจากไกลๆเห็นคนเข้าแถวเรียงสามยาวเหยียดเพื่อรอคิวเข้าชม กะโดยประมาณที่เห็นแถวเคลื่อน คงจะใช้เวลาอย่างน้อย๒ชั่วโมงคนที่อยู่หลังสุดจึงจะได้ผ่านประตูชั้นนอกเข้าไป อาลันถามเจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่แถวๆนั้นได้ความว่า ต้องจองตั๋วล่วงหน้าหนึ่งหรือสองวันจึงจะเข้าชมได้ในวันนี้ บังถอนหายใจโล่งอกที่จะได้ไม่ต้องเข้าคิวรอ เพราะทั้งอาลันและสตีฟกระเหี้ยนกระหือจะดูให้ได้ http://en.expo.cn/index.html#&c=home พลาดจากศาลาจีน ผ่านมาทางศาลาประเทศเล็กประเทศน้อย ยังคงเห็นแถวยาวในลักษณะเดียวกัน แต่ก็ยังไม่ถึงกับต้องจองล่วงหน้าข้ามวันเหมือนศาลาจีน เลยตกลงกันว่าจะดูศาลาไทย มาเลย์ และอเมริกัน อาลันจึงเรียกรถไฟฟ้ามาให้พาไปที่ศาลาไทย ถ้าจะเดินก็ได้ แต่ร้อนเหลือเกินและคงจะอย่างน้อย๑กม ไปถึงศาลาไทยก็เข้ารอยเดิมอีก แถวยาวเหยียดขดเป็นงูเลื้อยไม่รู้ว่าหางแถวอยู่ที่ไหน เขามีร้านขายเบียร์อยู่รอบนอก บังเลยลองเตร่เข้าไปซื้อเบียร์แจกสตีฟและอาลันคนละแก้ว สอบถามสาวขายเบียร์ก็เลยได้ความว่า สำหรับคนไทยและแขกที่มาด้วยสามารถลัดคิวได้ นี่เป็นข้อตกลงที่ไม่เป็นทางการของประเทศต่างๆ ซึ่งประเทศอื่นๆก็สามารถทำได้หากเห็นว่าสมควร แต่ก็คงจะยกเว้นสำหรับประเทศจีนซึ่งเป็นเจ้าภาพ ซึ่งหากทำก็คงจะยุ่งพิลึกเพราะคนมากเหลือเกิน เราสามคนเลยได้เข้าไปดูในศาลาไทยทางประตูเล็กโดยไม่ต้องเข้าคิวรอ ข้างในก็งั้นๆแหละ เขามุ่งที่จะให้คนจีนดู เป็นการฉายหนังสามมิติเกี่ยวกับเมืองไทย มีการจำลองเอายักษ์วัดโพธิ์และยักย์วัดแจ้งโดยมีลักษณะเป็นเหมือนหุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง พูดจีนกันล้งเล้งเรียกเสียงฮาจากคนที่ฟังรู้เรื่องอยู่ตลอดเวลา ออกจากศาลาไทยอาลันก็พาไปศาลามาเลย์โดยใช้สิทธิ์ของพลเมืองมาเลย์ของเขา ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าโปสเตอร์และของต่างที่เอามาวางโชว์ อาลันค่อนข้างจะผิดหวัง ด่ารัฐบาลแขกของเขาอยู่ไม่ขาดปาก ถัดไปก็เป็นรายการของสตีฟที่จะพาบังและอาลันเขาศาลาอเมริกัน เมื่อไปถึงจึงพบว่าแถวยาวเป็นอันดับสองรองจากศาลาจีน สตีฟลองไปเลียบเคียงถามเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกัน เขากลับออกมาบอกว่าโดนบอกให้ไปต่อท้ายแถวเข้าคิวเหมือนคนอื่นๆหากว่าจะเข้าไปดู สาวเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันนั่นพูดในทำนองว่าหน้าไม่อายดันมาขอลัดคิว นี่คือธรรมเนียมอเมริกัน


เกือบๆสามทุ่มเข้าไปแล้ว ขณะที่บังและอาลันกำลังคุยกันว่าจะเอาอย่างไรดีคืนนี้ เรากินอะไรกันมาตลอดช่วงที่กำลังเดินเที่ยว รวมไปถึงข้าวราดแกงกะหรี่แพะที่ศาลามาเลย์จึงไม่มีใครคิดถึงดินเนอร์กันอีก สตีฟซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปพอประมาณก็ถูกประกบโดยสาวจีนซึ่งเข้ามาตีสนิท ไม่รู้พูดกันอีท่าไหนสาวนั่นก็เดินตามสตีฟเข้ามาทักทายบังและอาลัน บอกว่ามาเที่ยวงานexpo หล่อนเป็นครูอยู่ที่ปักกิ่ง มากับเพื่อนอีกสองคน  หล่อนปลีกตัวออกไปควักโทรศัพท์ออกมาพูด เดี๋ยวเดียวเพื่อนสาวอีกสองคนก็ปรากฎตัวขึ้น ในขณะที่ทั้งสตีฟและอาลันยิ้มระรื่นคุยกับสามสาวนั่นด้วยความตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง และมีทีท่าว่าสามสาวจะไปเที่ยวต่อด้วยกันกะเรา บังเริ่มสงสัยอะไรบางอย่าง นี่จะเป็นแผนของอาลันหรือเปล่าที่ทำให้เรื่องมันคล้ายๆจะประจวบเหมาะว่าเจอไก่หลงทีงานworld expo หรือว่าจะเป็นเรื่องปกติที่สาวจีนมักจะเร่เข้าหาฝรั่งและชวนคุย เดี๋ยวก็คงจะได้รู้กัน บังนึกในใจ

อาลันโทรศัพท์เรียกคนขับรถของเขามารับ จากสามคนจึงกลายเป็นสามคู่ขึ้นมาในทันใด มันต้องมีอะไรไม่ชอมมาพากลแน่นอน บังเฝ้านึกอยู่ในใจ ยิ่งเมื่อสามสาวแยกกันประกบเราสามคนตัวต่อตัวบังก็ยิ่งสงสัยหนักขึ้น อย่างไรก็ต้องไว้เชิงนิดหน่อยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทำเป็นตื่นเต้นกับการได้เพื่อนใหม่ นึกในใจว่าหากนี่เป็นแผนของอาลันที่เตี๊ยมสามสาวนี่มาแล้วบังจะซ้อนกลให้สนุกที่เดียว ทั้งสามคนพูดภาษาอังกฤษได้พอสมควร แต่ก็ไม่คล่องนัก อาลันนั้นพูดจีนกับคู่ของเขา สตีฟค่อนข้างจะเขินๆที่จู่ๆก็มีสาวจีนมาจับมือถือแขนชวนคุยนั่นคุยนี่คล้ายๆกับคนรู้จักกันมาเป็นเวลานาน จึงมีท่าทีเคาะๆเขินๆพอสมควร อาลันพาเราไปที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง อยู่บนชั้นบนของตึกสูงอยู่ริมแม่น้ำแยงซี เห็นวิวและแสงสีอันสวยงามของเมืองเซี่ยงไฮ้อย่างชัดเจน อาลันบอกว่าเขาก็ไม่เคยมาที่นี่ก่อนเหมือนกัน คราวนี้บรรยากาศเหมาะ บังเอิญครบคู่พอดีจึงพามาลองดู สถานที่ก็หรูและค่าวิวจากหน้าต่างก็คงจะรวมอยู่ในค่าอาหารและเครื่องดื่ม เราสามคนไม่มีใครสั่งอาหารอีกเพราะอิ่มกันมาแล้ว แต่สามสาวเลือกสั่งเอาแต่อาหารหนักและดูเหมือนว่าจะเลือกตามราคาบนเมนูแทนที่จะเลือกอาหารที่โดยปกติคนจีนเขากินกัน ทั้งสามคนเลือกสั่งจากเมนูฝรั่งเศสและอิตาเลียนซึ่งราคาแพงลิบและสั่งชนิดที่ว่าบังเห็นแล้วรู้ว่ากินไม่หมดแน่นอน ที่เคยคิดว่าทั้งหมดเป็นแผนของอาลันอาจจะไม่ใช่เสียแล้ว เพราะหากเขารู้กันมาก่อนก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ทั้งสามคนจะจงใจฉีกกระเป๋าอาลันโดยไม่จำเป็น ถึงแม้ว่าอาลันจะไปเบิกจากบริษัทเขาได้ได้ก็ตามเถอะ ก็จริงอย่างที่คาด อาหารเหลือบานเบอะ คำนวณดูคร่าวๆที่สามสาวสั่งมากินบ้างทิ้งบ้างนั้นไม่ต่ำกว่าพันหยวนหรือประมาณ๕๐๐๐บาท นี่เฉพาะอาหารซึ่งเป็นดินเนอร์สำหรับพวกหล่อนสามคน อาลันเรียกคนบริการทำความสะอาดโต๊ะเพราะทั้งสตีฟและอาลันกำลังเพลิดเพลินจึงตกลงกันว่าจะนั่งดื่มกันต่อไป สตีฟและคู่ของเขาแก้เขินโดยสาวนั่นขอให้สตีฟสอนภาษาอังกฤษให้ ในขณะที่บัง สตีฟ และอาลันกินเบียร์ สามสาวนั่นสั่งไวน์สลับกับวิสกี้ อาลันกับคู่ของเขารำคาญเสียงครูและนักเรียนภาษาอังกฤษจึงแยกไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง ส่วนคู่ของบังเห็นบังไม่ค่อยพูดเลยพยายามชวนคุยนั่นคุยนี่ เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมงตั้งแต่เข้ามา สามสาวท่าทางจะเป็นนักดื่มตัวฉกาจกันทั้งสามคน เดี๋ยวก็สั่งเดี๋ยวก็สั่ง คราวหนึ่งบังเดินไปห้องน้ำ ขากลับสาวสวยซึ่งท่าทางจะเป็นผู้จัดการของร้านเดินมาประกบบัง ชวนให้ไปที่ห้องทำงาน บังนึกในใจว่าอะไรกันอีกวะ สงสัยเรานี่จะเหมือนแฮริสัน ฝอร์ด มามีเสน่ห์ให้สาวๆตอมเอาตอนแก่ หล่อนปิดประตูแล้วเชิญให้นั่งแล้วพูดยิ้มว่า ได้สังเกตุดูอยู่ตั้งแต่ตอนเข้ามาแล้วถึงอากัปกิริยาของทั้งหกคน เนื่องจากทำกิจการมานานพอสมควรจึงพอจะเดาสถานการณ์ออกว่าใครเป็นใครในคณะ และบอกว่าเขาเชื่อว่ามีบังคนเดียวเท่านั้นในกลุ่มผู้ชายทั้งสามคนที่เข้าใจสถานการณ์ดีที่สุด เขารู้ว่านี่เป็นการให้ความสำราญกับแขกของอาลันและเขามีเงินที่จะจ่าย และที่เรียกบังเข้ามาคุยนี่เพราะอยากจะบออกว่าตอนนี้บิลล์ทั้งหมดนั้นประมาณ๓๕๐๐หยวน(หรือประมาณ๑๔๐๐๐บาท) เขาบอกว่าเหล้าและไวน์ที่สามสาวนั่นสั่งนั้นเป็นของอย่างดีและเก่าเก็บ หล่อนว่าท่าทางทั้งสามคนจะเป็นมืออาชีพที่หากินกับการจับฝรั่งและคนต่างชาติ ทั้งที่ขายบริการทางเพศและจัดฉากเพื่อให้เห็นว่าเป็นการข่มขืนแล้วกรรโชกทรัพย์หรือไม่ก็ขโมยเอาดื้อๆ หากเป็นการจัดฉากเพื่อกรรโชกทรัพย์นั้นค่อนข้างจะน่ากลัว เพราะมีการทำกันเป็นแก๊งและมีผู้ร่วมงานอีกมากมาย เขาไม่เคยเห็นทั้งสามคนนี้มาก่อนเหมือนกันแต่ก็คิดว่าใช่ บังบอกว่าบังก็พอจะดูรู้ เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการจัดฉากของอาลันเองหรือเป็นเหตุประจวบเหมาะแล้วอาลันพลอยเป็นไปด้วย แต่ตอนนี้ค่อนข้างแน่ใจว่าอาลันไม่ได้จัดฉากแน่นอน แต่เห็นทุกคนกำลังสนุกบังก็เลยยังไม่ขัดจังหวะ แต่ตั้งใจว่าจะพูดกับสตีฟและอาลันก่อนออกจากร้านว่าต้องแยกทางกับสามสาวนี่ เพราะอาจจะได้มีเรื่องให้เดือดร้อนแน่นอนหากไม่ยอมหยุดเอาไว้ บังบอกขอบคุณอาหมวยผู้จัดการก่อนที่จะเดินกลับมาที่โต๊ะ ตอนนี้นักเรียนของสตีฟได้ขึ้นไปนั่งอยู่บนตักของอาจารย์เรียบร้อยแล้ว อาลันและคู่ของเขาก็นั่งกอดกันกลมอยู่ คู่ของบังจึงบอกบังว่าประเดี๋ยวจะขอไปนอนที่โรงแรมบังด้วยคน บังเลยถามหน้าด้านๆว่าจะคิดเท่าไหร่ หล่อนพาซื่อเลยบอกว่าแล้วแต่จะให้ เท่านั้นเองบังก็หมดข้อสงสัย เลยหันไปถามคู่ของสตีฟว่าจะเอาเท่าไหร่ หล่อนยิ้มแล้วบอกว่าก็แล้วแต่อาจารย์จะให้เหมือนกัน แต่ต้องไม่ต่ำกว่า๑๐๐๐หยวน บังเลยเดินไปสกิดเรียกให้อาลันผละออกมาจากวงแขนของคู่ตัวเอง บังเล่าเรื่องที่ผู้จัดการร้านบออกให้ฟัง อาลันหน้าซีดเผือด แต่ไม่ใช่เพราะบิลล์ที่สูงเกินคาด แต่เพราะความเป็นไปได้ที่มีจะโอกาสได้มีเรืองให้ปวดหัวหรือดีไม่ดีถึงขั้นได้นอนคุกเมืองจีน อาลันเขาทำงานอยู่ที่นี่และพูดจีนได้ก็จริง แต่เขาก็คือคนต่างชาติคนหนึ่งที่ไม่ได้รู้อะไรไปเสียทุกอย่าง อาลันโทรศัพท์เรียกคนขับรถมารับและโบกมือลาสามสาว เราหัวเราะกันในรถมาตลอดทางถึงประสบการณ์แปลกใหม่ในคืนนี้ ทั้งสตีฟและอาลันต่างไม่มีใครนึกไปว่าทั้งสามเป็นมืออาชีพ ต่างคนต่างคิดว่าบังเอิญมาเจอครูสาวชอบสนุกสามคนจากปักกิ่ง
(ยังมีต่อ)

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ9/2/54 11:43

    ทำไมบังไม่ให้เป้นเช็คละให้เช็คปลอมไปซักสองพันหยวนค่าัตัว1000หยวนบอกว่าให้ทอนเป็นเบี้ยสดมาซัก500หยวนก็พอที่เหลืออีก500หยวนเป้นทิปทำให้เหมือนกับแฟลค์ อนาเมลยอดนักต้มตุ๋นระดับโลกน่าจะสนุกพึลึก

    ตอบลบ