16 เมษายน 2554

คุยกับทวด ประโยชน์ใช้สอยของหลาทอมที่เปลี่ยนไป

     นอกจากวัดแล้ว หลาทอมเป็นที่สาธารณะอีกแห่งหนึ่งของหมู่บ้าน เป็นที่ประชุม ที่พักร้อนของคนเดินทาง และเป็นที่อะไรๆอีกหลายๆอย่างแล้วแต่สถานการณ์ เป็นความเชื่อของคนไทยมาตั้งครั้งโบราณว่า ต้นไม้ใหญ่ หนอง บึงจะมีเทวดาปกปักษ์รักษา ซึ่งทางใต้เรียกกันว่าทวด เป็นความสะดวกสำหรับคนที่ยังมีความเชื่อในสิ่งสมมติที่ไม่อาจจะสัมผัสด้วยอายตนะใดๆ ที่จะสร้างรูปที่ตัวเองคุ้นเคยขึ้นมาไว้กราบไหว้ รูปสลักของทวดที่ศาลาทอมจึงอุบัติขึ้นด้วยประการฉะนี้ ด้วยการแกะสลักของช่างจำเป็นหลายคนในหมู่บ้าน โดยใช้ไม้ท่อนหนึ่งจากต้นขนุนใหญ่ที่ขึ้นอยู่ข้างศาลา เนื่องจากไม้ท่อนเล็กเกินไป จึงได้ทวดแค่ครึ่งท่อน แขนลีบ ส่วนขานั้นไม่มี มีการต่อเพิงออกไปนิดหนึ่งจากศาลา ไว้เป็นที่วางทวด มีอังสะเก่าๆที่พระทิ้งแล้วเป็นเครื่องแต่งตัว

 




เมื่อตอนบังเด็กๆก่อนเข้าโรงเรียน ที่เล่นประจำวันของบังคือหลาทอม ชาวบ้านที่มีลูกรุ่นเดียวกันก็ไม่ใครให้ลูกเขามาเล่นด้วยเพราะเขาว่าบังเป็นเด็กร้ายและเถ ครูใหญ่ของโรงเรียนแม่ทอมสมัยนั้นขนานนามให้บังให้เด็กที่โรงเรียนฟังหน้าเสาธงครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆที่บังยังไม่ไปโรงเรียนว่า "ไอ้เหล็มเด็กอุบาทว์" ซึ่งเป็นการเรียกที่ค่อนข้างสาหัสต่อเด็กอายุแค่๖ขวบ แกห้ามไม่ให้ลูกของแกมาเล่นด้วยอย่างเด็ดขาด ห้ามบังเข้าบ้าน ความจริงแกก็เหม็นหน้าพี่ๆของบังหมดทั้งบ้านมาแต่ไหนแต่ไร เพราะดันไปเรียนหนังสือเก่งกว่าลูกๆของแกชนิดห่างกันกู่ไม่ได้ยิน ความจริงบังอ่านหนังสือคล่องตั้งแต่๕-๖ขวบ เพราะพ่อและพี่ๆสอนให้ แต่ครูใหญ่แกไม่ยอมให้ไปโรงเรียนอ้างระเบียบราชการว่า๘ขวบถึงจะไปได้ "การศึกษาคือการเจริญงอกงาม" เป็นนิยามของคำว่าการศึกษาซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั้งในประเทศไทยและสากลมาหลายร้อยปี แต่ไม่มีความหมายใดๆที่นี่ ครูใหญ่แกคงจะมีทัศนะที่แตกต่าง ซึ่งก็ไม่มีใครรู้แน่เหมือนกันว่าเป็นอย่างไร มาช่วงหลังน้าซึ่งเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนวัดนารังนกทนไม่ไหว จึงเอาบังติดรถจักรยานไปที่วัดนารังนกด้วยเป็นบางวันเพื่อให้พลอยเรียนป.๑ เป็นเด็กนอกบัญชี  ซึ่งก็ไม่สนุกนักเพราะบังตัวเล็กและอายุน้อยกว่าเพื่อนอย่างน้อย๒ปี โดนแกล้งประจำ แต่มาระยะหลังไม่มีใครแกล้ง เพราะบังเล่านิทานสนุกๆซึ่งอ่านจากหนังสือให้พวกเขาฟัง เวลาพักเที่ยงจึงมีเด็กทั้งเล็กทั้งใหญ่มาล้อมฟังนิทานทุกวัน

ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่จะอายุครบ๘ขวบบังก็เลยเล่นอยู่คนเดียวที่หลาทอม หากวันไหนไม่ได้ไปนารังนกกับน้า ความสัมพันธ์ระหว่างทวดและบังจึงมีมาตั้งแต่ครั้งนั้น ในขณะที่บังเติบโตและแก่ไปตามวัย รูปสลักของทวดก็ผุกร่อนเป็นอาหารของปลวกแมลงไปส่วนหนึ่งบ้างเช่นเดียวกัน แต่ความรู้สึกที่มีต่อกันและกันระหว่างบังกับทวดไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักเมื่ออยู่กันตามลำพัง แต่หากอยู่ต่อหน้าบรรดาชาวแม่ทอมคนอื่นๆ บังก็ต้องลดความสนิทสนมลง เพราะเขาเหล่านั้นไม่ค่อยจะชอบนักหากบังแสดงความเป็นกันเองกับทวดเป็นพิเศษให้ห็น จากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็หลายปีเต็มที ได้โอกาส บังจึงแวะเข้าไปหาทวด

"เอ้านั่นไอ้เหล็มเหรอ...ขึ้นมานั่งก่อน...หายไปไหนเสียนาน...ไม่แวะมาคุยกันมั่งเลย"

ทวดร้องทักบังอย่างเป็นกันเอง เมื่อเห็นบังเดินมาถึงชายคา ก็นับว่านานพอดูตั้งแต่บังและทวดเจอกันครั้งสุดท้าย บังเดินขึ้นบันไดเตี้ยๆขึ้นไปนั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าทวด ยกมือไหว้สวยๆครั้งหนึ่งตามธรรมเนียมของการเจอผู้หลักผู้ใหญ่ มีลูกหลานของทวดนั่งกันอยู่อย่างสงบเสงี่ยมหลายคน บังก็ต้องทำตัวให้ผสมกลมกลืน แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าบังกำลังพูดคุยอยู่กับทวด

"สวัสดีครับทวด ช่วงหลังนี่มันยุ่งเรื่องทำมาหากินครับ ผมจึงไม่ค่อยมีเวลาแวะมาคุยด้วย ทวดสบายดีนะครับ ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่เมื่อไหร่ผมยังไม่รู้เลย ดูโอ่โถงดีนะครับ"

"เออ...กูอยู่ที่เก่าของกูดีๆไม่ได้เดือดร้อนอะไร ลูกหลานมันต้องการจะเอาใจกู จึงสร้างหลังใหม่ให้ จะบอกพวกมันว่าไม่เอาก็บอกไม่ได้ เพราะมีแต่มึงคนเดียวที่พูดกับกูรู้เรื่อง นอกนั้นมันคิดว่ากูศักดิ์สิทธิ์และสามารถให้โชคให้ลาภกับพวกมันได้" ทวดตอบกึ่งหงุดหงิดกึ่งขบขัน

"แหม...ทวดก็รู้ๆอยู่...ลูกหลานเค้ามีศรัทธา ที่สร้างใหม่ให้น่ะเค้าก็หวังผล อย่าได้คิดว่าเค้าทำให้อยู่ฟรี ทวดก็ต้องใบ้หวยบอกเบอร์บ้าง"

"ไอ้เหล็มมึงก็รู้อยู่ว่ากูไม่มีตีน จะเดินไปขี้ไปเยี่ยวยังไม่ได้ ดีที่กูไม่ต้องขี้ต้องเยี่ยว ไม่งั้นก็ไม่ผิดอะไรกับคนเป็นอัมพาต สมัยก่อนมึงยังต้องอุ้มกูลงไปวางไว้กลางถนนหลอกคนไปนัดคูเต่าวันพฤหัส จำไม่ได้แล้วหรือ ลำพังกูเองจะขยับตัวยังทำไม่ได้?"

และแล้วทวดก็นำเอาเรื่องเก่าในอดีตขึ้นมาอ้าง ใช่แล้ว บังเคยเล่นทะลึ่งตึงตังเช่นเหลนกะทวดอยู่เป็นประจำ แรกๆก็เปิดผ้านุ่งดูว่าทวดมีไข่ไหม หลังๆก็ขึ้นขี่คอ โยกไปโยกมา บังโดนผู้ใหญ่ท่านหนึ่งหวดเสียหลังลายโทษฐานลบหลู่รูปทวด ถึงตอนนี้คิดแล้วบังก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดีกับการทำโทษ ที่เด็กขี่ท่อนไม้ ท่อนไม้ไม่ได้มีความเจ็บปวดอะไร แต่ผู้ใหญ่เข้าข้างท่อนไม้ เห็นท่อนไม้ดีกว่าคน แล้วตีคนขี่ท่อนไม้ ช่างเป็นความโง่เง่าที่ไร้ที่ติ มองกลับไปจากตอนนี้ ผู้ใหญ่ที่เคยเฆี่ยนบังแกเข้าไม่ถึงแม้แต่เปลือกของพุทธศาสนาทั้งๆที่ไปวัดทุกวันพระ แกติดอยู่ตรงพิธีกรรม และหลายๆอย่างแม้กระทั่งศีลธรรมก็ยังขาด จึงไม่มีอะไรที่ต้องพูดถึงในระดับของโลกุตรธรรมที่ต้องอาศัยปัญญาในการเข้าถึง ซึ่งก็ไม่อาจจะโทษใครได้ถนัดสำหรับสภาพ เพราะไม่มีการสอนกันในเรื่องที่ถูกต้อง นอกจากเรื่องศรัทธาและความขลังความศักดิ์สิทธิ์

"ครับทวด..ที่ทำอย่างนั้นน่ะเพราะมันได้กิน มีอยู่คราวหนึ่งแม่ค้าเขาหาบลูกเงาะไปขายที่ตลาดนัด มาเห็นทวดนั่งอยู่กลางทางเดิน ทิ้งหาบวิ่งกลับทางเก่าผมก็ได้กินลูกเงาะ ทำแล้วได้กินก็ทำเรื่อยมา"

สมัยก่อนถนนตรงช่วงหลาทอมรกและเปลี่ยวมาก และเคยมีคนโดนฟันขาดสะพายแล่งตรงจุดใกล้ๆหลา พวกกลัวผีมักจะไม่กล้าเดินคนเดียวแม้กระทั่งตอนเที่ยงวัน

"แล้วทำไมเลิกอุ้มกูลงไปวางกลางถนนเสียล่ะ? ทวดถามยิ้มๆอย่างอารมณ์ดี

"โดนพ่อหวดครับ แต่ก็รู้ว่าผิด เพราะผมไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เพื่อเอาของที่เขาจะเอาไปขายมากิน"


"แล้วพ่อมึงรู้ได้อย่างไรล่ะ"


"มีคนไปบอกแกว่าทวดทำปาฏิหาริย์ลงไปนั่งอยู่กลางถนน มักจะเกิดในวันพฤหัสตอนเช้ามืด พอถึงวันพฤหัส แกก็มาซุ่มดู เลยโดนจับได้"


ลูกศิษย์ทวดหลายคนเริ่มหันมามอง ว่าบังมานั่งทำอะไร บังเลยถือโอกาสลาทวดออกมา


หลาทวดหรือหลาทอมวันนี้ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์จากศาลาพักร้อนธรรมดาๆสารพัดประโยชน์ สำหรับนั่งพักและนอนเล่น โดยมีทวดเป็นผู้อาศัยอยู่ที่มุมหนึ่ง มาเป็นคล้ายๆศาลเจ้าที่มีทวดนั่งเป็นเจ้าของศาล ใครจะขึ้นไปยืดแข้งยืดขาก็ดูจะไม่เหนาะสม วัตถุประสงค์เดิมของศาลาทอมหรือหลาทอมได้ถูกบิดเบือนไปแล้วโดนสิ้นเชิง และความงมงายก็ได้ทวนกระแสแห่งวิวัฒนาการไปอีกขั้นหนึ่งสำหรับชาวแม่ทอม 

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ7/5/54 11:57

    อย่าว่าแต่ชาวแม่ทอมเลยครับที่มีความเชื่อเช่นนี้คิดว่าชาวพุทธความเชื่อและความศัทธาเป็นของคู่กันส่วนมากจะเชื่อไปทางปาฎิหารย์แต่ก็มีอีกหลายสิ่งที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบได้เคยมีคำกล่าวไว้ว่า .ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่.น่าจะถูกต้องที่สุดความเชื่อและความศัทธานี้ไม่ได้แบ่งชั้นวรรณะอย่าว่าแต่ชาวบ้านตาดำๆแม่ทอมเลยครับสำหรับผู้ที่มีการศึกษาสูงก้มีความเชื่อเช่นเดียวกันวันก่อนผมไปหาหมอคลีนิกเชื่อไหมมีหิ้งตั้งอยู่บนพนังมีรูปนางกวักนั้งพับเพียบเรียบร้อยแบบนี้หมายความว่าอย่างไรหมอต้องการให้คนไข้มารักษาเยอะไช่หรือเปล่า..พูดถึงเรื่องทวดลืมบอกไปไม่กี่วันที่ผ่านมามีการสวดหลาพร้อมบ้านไปในตัวมีการดึงสายสินธ์ไปทั่วทั้งหมู่4และหมู่ไกล้เคียง
    สายสินธ์ไม่พอก็ไช่ไนล่อนสีขาวเชือกว่าวแทนกันไปรุ่งขึ้นก็มีการสรงน้ำทวดงานนี้จัดโดยกำนันเจือสวดบ้านพร้อมกันทั้งหมู่บ้านประหยัด.ถ้าสวดเฉพาะบ้านเดี่ยวค่าใชจ่ายสองหมื่นคิดว่าไม่พอก็เลยสวดทั้งหมู่บ้านทุกคนก็มาช่วยกันทำบุญทำขนมจีน ถั่วเขียวต้มรับประทานกันโดยที่ทุกคนมีส่วนร่วมก็เป็นสิ่งที่ดี

    ตอบลบ
  2. +++บังเหล็มตอบ+++
    เรื่องความเชื่อเป็นปัญหาโลกแตก ใครๆก็มีความเชื่อของตัวเอง ต่างคนต่างก็คิดว่าของตัวเองถูก ป่วยการที่จะไปเปลี่ยนความคิดคนอื่น เอาเป็นว่าใครอยากเชื่ออย่างไรก็ว่ากันไปตามสบาย ที่เห็นทะเลาะกันก็มักจะมีสาเหตุมาจากความต้องการที่จะให้คนอื่นมาเชื่อเหมือนตัวเอง การศึกษาทำให้คนมีความรู้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฉลาด ที่แม่ทอมมีคนฉลาดมากมายทั้งๆที่ไม่เคยเรียนหนังสือในโรงเรียน แต่ความรู้ทางวิชาการอาจจะไม่เเท่ากับคนที่ได้รับการศึกษาระดับสูงเช่นหมอ ตัวอย่างเช่นอดีตกำนันรุยดูผาดๆก็คล้ายกับว่าแกเป็นคนมีวิชาอาคม บังเคยถามแกว่าทำไมแกจึงไม่กลัวผี แถมยังไล่ผีออกจากคนโดนผีเข้าได้ แกก็บอกบังหน้าตาเฉยว่ากูไม่เชื่อ กูถึงไม่กลัว และติดตามด้วยเหตุผลง่ายๆ ซึ่งแกสรุปเอาเองจากเหตุและผลและการสังเกตุ ซึ่งมีแต่คนฉลาดเท่านั้นที่จะมองเห็นได้และเชื่อมั่นว่าถูกต้องโดยไม่มีความลังเล(ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่)เหลืออยู่

    บังว่ากำนันเจือแกหัวใสใช้ได้ ที่ใช้วิธ๊ต่อสายสิญจ์ไปทั้งหมู่สี่ ว่าแต่ว่าพลังงานอาจจะตกหากอยู่ห่างจากหลาออกไป ยุคที่ห้าน่าจะคิดทำหม้อแปลง (Transformer) สำหรับ เพิ่มกำลังสวดตรงปลายสาย ท่านเออาจจะได้ใช้วิชาไฟฟ้ากำลังและ Transmission Line ให้เป็นประโยชน์ แบบว่าตั้งสถานีสวดที่หลาทอมข้างอบต ส่งแรงสวดเข้าระบบGrid ส่งขายทั่วประเทศแบบเดียวกับการไฟฟ้าหรือจะใช้แบบ wireless 3G 4G ก็น่าจะใช้ได้ ต่อไปวัดก็ไม่ต้องมีมากเหมือนเช่นที่เป็นอยู่

    ตอบลบ