03 กุมภาพันธ์ 2556

เสือเหี้ยมและเสือหาญ

 เมื่อไม่กี่สิบปีก่อนแม่ทอมคือหมู่บ้านที่คงเอาสภาพเก่าๆเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมที่ใช้กันอยู่ในโลกภายนอกมีอยู่ไม่มากนักที่เข้ามาถึงแม่ทอม เนื่องจากกำลังซื้อของชาวบ้านไม่มี ดังนั้นสิ่งที่เป็นโลหะหรือพลาสติกในแต่ละบ้านจึงมีให้เห็นเพียงน้อยชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด เช่นมีดทำครัว มีดพร้า ขวาน มีดงอ(เคียว)จอบและผานไถ บางบ้านอาจจะมีรถจักรยานอีกหนึ่งคัน ซึ่งเป็นเครื่องแสดงถึงฐานะทางการเงินของเจ้าของว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของหมู่บ้าน ซึ่งก็มีอยู่ไม่มากนัก

เสื้อผ้าก็เป็นสิ่งหายากราคาแพง ชาวบ้านรุ่นก่อนมักจะใช้กันอย่างทนุถนอมเต็มที่ ได้ผ้าถุงมาสักผืนก็ไม่กล้านั่งทับผ้าเพราะกลัวว่ามันจะโดนพื้นแล้วจะสึกหรอฉีกขาด เวลาจะนั่งตามใต้ต้นไม้รุ่นพ่อเฒ่าจึงนิยมใช้ก้นเปล่าๆนั่งลงบนพื้น ผ้าถุงจะถูกถลกขึ้นเอาไว้เพื่อปิดบังความอุจจาดตาอย่างเดียว ซึ่งเรียกกันตามศัพย์เทคนิคว่า"ลอกวานนั่ง" ซึ่งจะเห็นได้ว่าหนังก้นของบรรพบุรุษของชาวแม่ทอมนั้นมีความเหนียวแน่นทนทานยิ่งกว่าผ้ายีนส์ลีวายส์หลายเท่า ของแหลมประเภทหนามธรรมดาๆไม่อาจจะเป็นอันตราย ส่วนรองเท้านั้นคือสิ่งฟุ่มเฟือย หนังตีนของชาวแม่ทอมรุ่นเก่าเหยียบหนามไม้ไผ้หัก ความยืดหยุ่นคงทนอาจะมีมากกว่าพื้นรองเท้าไนกี้

บังมักจะได้ยินข่าวจากสื่อทั้งในบ้านเราและในประเทศที่เขาเจริญแล้ว บรรยายถึงความลำบากยากจนของผู้คนในบางส่วนของโลกหรือเวลาเกิดภาวะสงครามหรือภัยธรรมชาติว่าไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีห้องน้ำห้องส้วม ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เป็นภาวะที่แร้นแค้นรันทดสุดประมาณ บังฟังแล้วไม่ค่อยจะได้พลอยตื่นเต้นกับเขา นึกกลับไปถึงสภาพที่เราเคยอยู่ตอนเด็กๆซึ่งคล้ายๆกันหรือติดไปในทางที่แย่กว่าเสียอีก ไม่ค่อยจะเห็นใครเดือดร้อนร่ำร้องไปกับสภาพ ส่วนใหญ่ก็อยู่กันโดยมีความสุขตามปกติ

ชาวแม่ทอมแต่ละวัยต่างก็ผ่านเวลาของตัวเองในแต่ละวันกันไปตามแบบฉบับที่สืบทอดกันมา ผู้ใหญ่ก็ทำมาหากินในสวนในนา ที่เสเพลก็เล่นปอเล่นกร็อกแกร็ก กินเมากินหวาก ส่วนเด็กๆเนื่องจากไม่มีอะไรให้ได้รู้ให้เห็นมากมาย ก็หาของเล่นกันไปตามเรื่อง เล่นลูกข่าง ปางนู ฉับโผง และอะไรที่ยิงได้หรือส่งเสียงดังคล้ายปืนจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ และเนื่องจากปืนเป็นของหายากจึงได้รับการสนใจจากเด็กๆเป็นพิเศษ

นักประดิษฐ์จำเป็นจึงเกิดขึ้นมากมาย อะไรที่มีลักษณะเป็นกระบอกโลหะจะถูกนำมาทำเป็นปืนจนหมดสิ้น รุ่นเล็กที่เพิ่งหัดเล่นก็เริ่มต้นจากการลักไส้ไก่รถจักรยานมาทำเป็นกระบอกปืน เอาไม้แผ่นมาทำเป็นตัวปืน นกปืนทำเป็นชิ้นไม้แล่นบนราง ใช้ยางเส้นเป็นสปริงสะสมกำลัง เอาแก๊ปยัดไส้ไก่ เอาตาปูทำเป็นตัวอัดระเบิด เวลายิงก็เอาหัวแม่มือสะกิดนกให้วิ่งไปชนตาปู ได้เสียงดังอย่างเดียวไม่มีลูกกระสุน หลังจากมีฝีมือเพิ่มขึ้น ปืนก็มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ใช้ดินปืนใส่ลูกปรายใช้ยิงนกยิงหนูได้ บังเองก็กลายเป็นนักเคมีจำเป็นด้วยความอยากเล่น รู้ว่าดินปืนนั้นประกอบด้วยดินประสิว กำมะถัน และถ่าน แต่ไม่รู้สัดส่วนที่พอดี ถามผู้ใหญ่ที่พอจะมีความรู้เขาก็หวงวิชาไม่ยอมบอก ตอนนั้นคนที่รู้วิธีปรุงดินปืนที่เชี่ยวชาญที่สุดของแม่ทอมก็คือนายบ้านคร้าวแห่งหมู่1 แต่แกไม่ยอมเผื่อแผ่ความรู้ของแกให้แก่บัง ถามเท่าไหร่แกก็ไม่บอก บังต้องลองผิดลองถูกอยู่นานจึงได้ดินปืนที่มีคุณภาพ และในที่สุดก็พบว่า ต้องใช้ดินประสิว6ส่วน กำมะถัน 1ส่วน และ ถ่าน 1 ส่วน ไม่ตรงสูตรสากล แต่ใกล้เคียง ถ่านต้องเลือกถ่านไม้เผาพิเศษเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ถ่านไมัที่ใช้ได้ผลดีที่สุดที่หาได้ในตอนนั้นคือถ่านจากไม้ดีปลี เพราะน้ำหนักเบา เนื้อละเอียด การเผาไหม้รวดเร็วและสมบูรณ์ กว่าพ่อบังจะรู้ว่าดินประสิวและกำมะถันที่แกซื้อมาไว้ทำเครื่องยาแผนโบราณโดนบังเอาไปเล่นจนหมด บังก็ค้นพบสูตรดินปืนด้วยตัวเอง ถ้าเป็นสมัยนี้ก็แค่ถามกูเกิ้ล มันก็จะบอกว่า ดินประสิว 75% กำมะถัน15% และถ่าน10%ไม่ต้องลองผิดลองถูกให้ยุ่งยาก

หลังจากรู้สูตรดินปืน บังและเพื่อนที่อยู่บ้านติดกับบ้านนายบ้านคร้าวก็ไปขโมยดินปืนของนายบ้านมาลองเทียบกับของบัง เปลี่ยนสูตรอีกเล็กน้อย ของบังก็ได้คุณภาพพอๆกัน รู้แล้วก็ไปโอ้รดเยาะเย้ยด้วยการนำเอาส่วนผสมทั้งสามอย่างไปผสมและลองให้แกดู ว่าถึงไม่บอกเราก็ทำได้เหมือนกัน นายบ้านเคล้าจึงเกลียดขี้หน้าบังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ที่เด็ก11ขวบบังอาจไปวัดรอยเท้า

บังจากบ้านไปเรียนชั้นมัธยมที่สงขลาเสียหลายปี ความรู้เรื่องดินปืนพัฒนาไปเป็นดินอย่างอื่นที่รุนแรงกว่า เพราะตำราและสารเคมีค่อนข้างจะสมบูรณ์ขึ้นจากห้องสมุดและห้องแล็ปของโรงเรียน บังและเพื่อนคู่หูอีกสองคนมักจะหลบหนีชั้นเรียนขึ้นไปทดลองวิชาเคมีนอกหลักสูตรในป่าเชิงเขาน้อยข้างโรงเรียน ในที่สุดเราก็พบวิธีผลิตไตรไนโตรโทลูอีนหรือทีเอ็นทีและเชื้อปะทุ ทำเสร็จก็ต้องทดลองว่าใช้ได้ไหมโดยใช้ปริมาณไม่มากนัก เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ควันโขมงลอยขึ้นเหนือยอดไม้ มันแรงกว่าที่คาดเอาไว้มากนัก เราสามคนวิ่งกันไม่เหลียวหลัง อ้อมไปลอดลวดหนามกลับเข้าโรงเรียนอีกด้านหนึ่ง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปร่วมชะเง้อดูควันที่ยังคงลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือยอดไม้กับบรรดาครูและนักเรียนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตำรวจมาดู เขาสันนิษฐานว่าใครโยนระเบิดมือลงมาจากบนเขา เนื่องจากไม่มีใครเป็นอะไรเขาจึงกลับไปโดยไม่ได้ติดใจจะสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นปฏิบัติการลับสุดยอดที่มีคนรู้เพียงสามคน ความลับเรื่องนี้จึงถูกปิดเงียบจนทุกคนเรียนจบและแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง

ปิดเทอมใหญ่ปีนั้น บังกลับแม่ทอมพร้อมกับส่วนที่เหลือจากการทดลอง ซึ่งพอที่จะทำให้เสียงดังเหมือนฟ้าผ่าได้อีกอย่างน้อยสองสามครั้ง หลวงหลุบเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบเล่นของพวกนี้เช่นเดียวกับบัง บังจึงไปหาแกที่บ้านทอมตก ชวนแกออกไปลองกันที่โคกใกล้หนำลุงทุ่มจะได้ไกลๆชาวบ้านหน่อย เสียงยังดังสนั่นอีกเช่นเคย จะผิดกันก็ตรงที่ว่ามันไม่ได้สร้างความตกใจให้กับคนที่ไม่รู้เรื่องด้วยเหมือนที่ลองครั้งแรกบนเขาน้อย อานุภาพของมันสร้างความตื่นเต้นให้กับหลวงหลุบเป็นอันมาก แกพร่ำอ้อนวอนขอลูกที่เหลือเอาไว้ บังก็กลัวว่ามันจะตูมตามขึ้นมาผิดที่และลูกนี้เป็นลูกใหญ่ที่สุดในบรรดาที่ทำ บังคนทำเองยังกลัวๆอยู่เพราะมันค่อนข้างจะรุงรังและไม่ได้ทำไว้ให้คนอื่นเล่นถึงแม้ว่ามันจะไม่มีสะเก็ดก็ตาม แต่จนแล้วจนรอดก็ทนอ้อนวอนแกไม่ไหว เลยให้ไว้หลังจากอธิบายถึงอันตรายของมันอยู่หลายรอบและวิธีประกอบก่อนใช้ หลังจากนั้นบังก็ไม่ได้กลับแม่ทอมบ่อยนักและลืมๆไปแล้วถึงวัตถุอันตรายที่หลวงหลุบได้ขอไว้

มาถึงยุคที่การแย่งชิงประชาชนกำลังดุเดือดแหลมคมในทางการเมือง แม่ทอมไม่ใช่พื้นที่สีแดงสีชมพู แต่กระบวนการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐก็มาถึง มีการจัดตั้งกลุ่มการเมืองต่างๆเช่นเดียวกันกับพื้นที่อื่นๆ เช่นกลุุ่มลูกเสือชาวบ้าน มีการส่งเจ้าหน้าที่มาอบรมและจัดงานบันเทิงไม่เว้นแต่ละวัน เงินงบประมาณมีให้ใช้กันอย่างเหลือเฟือ ชาวแม่ทอมจึงมีกิจกรรมร้องรำทำเพลงและการแสดงละครให้เป็นที่ครึกครื้นกันเป็นประจำ สถานที่ก็มักจะเป็นที่โรงเรียนบ้านแม่ทอม มีอยู่คราวหนึ่งบังกลับไปเยี่ยมโยมที่แม่ทอมในขณะที่กำลังเรียนอยู่ที่มหา'ลัย แกเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ในคืนวันหนึ่งของกิจกรรมบันเทิง...

...จากเค้าเรื่องที่หนังตะลุงและมโนราห์นิยมเอามาเล่นในพื้นที่ ซึ่งค่อนข้างจะฮิตในหมู่บ้าน คือเรื่อง"เสือเหี้ยมและเสือหาญ" ได้รับการนำมาดัดแปลงเป็นละครสั้นและแสดงกันในงานชุมนุมลูกเสือชาวบ้านที่โรงเรียนบ้านแม่ทอมสวนป่ากลาง เสือเหี้ยมและเสือหาญคือสองนักปล้นที่อาละวาดรบกวนชาวประชาอยู่เนืองนิจ จนกระทั้งทางการมาทำการปราบปรามได้อยู่หมัด ในขณะที่เสือเหี้ยมและเสือหาญกำลังอาละวาดอยู่บนเวที ปล้นและยิงกันอยู่ด้วยปืนแก๊ปเด็กเล่น และคนดูนับร้อยกำลังชมการแสดงอยู่นั้น พลันทุกคนต้องสดุ้งตกใจด้วยเสียงกัมปนาทราวฟ้าผ่าสิบครั้งพร้อมๆกัน ดังมาจากกลุ่มต้นโหนดในนาที่ห่างออกไปราวๆ50เมคร ตามด้วยแรงอัดอากาศอย่างแรง พอหายตะตึงทั้งคนแสดงและคนดูก็เหมือนผึ้งแตกรังวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเป็นอันตรายอะไร นอกจากถลอกปอกเปิกเพราะการวิ่งหนีและเหยียบกันเอง...

...เสียงและแรงอัดอากาศขนาดนั้นแต่ไม่มีใครเป็นอะไร...บังพอจะนึกปะติดปะต่อเรื่องราวได้อยู่ในใจ แต่ก็ไม่อาจจะแสดงความเห็นที่คิด ได้แต่พูดว่าโชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร...ละครเรื่องเสือเหี้ยมและเสือหาญคงจะยังอยู่ในความทรงจำของชาวแม่ทอมที่อยู่ในเหตุการวันนั้นไปตลอดชีวิต แต่คงจะไม่ใช่เพราะความประทับใจในบทละครและผู้แสดงบนเวที...บังก็ไม่เคยถามหลวงหลุบในเรื่องดังกล่าวจนกระทั่งวันนี้...

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ7/2/56 20:18

    ยังจำได้ดีตอนนั้นเรื่อง เสือเหี้ยม เสือหาร เสือเหี้ยมแสดงโดยหลวงเทียบ เสือหารแสดงโดยหลวงลอย พอได้ยินเสียงระเบิด มึงไปทางโน้น กูไปทางนี้ คำพุดไม่มีในบท สรุปว่าไปกันคนละทิศละทางตอนนั้นผมยังเล็กๆอยู่มาได้ข่าวช่วงหลังว่ามีการจุดที่สวนลุงลายโดยใช้กระบอกไม้ไผ่แต่วิธีการทำผมไม่รุ้เรื่องคนทีทำระเบิดได้คนแรกในแม่ทอมคงจะเป็นบังนี่แหละได้ข่าวมาเหมือนกันคนที่ทำดินปืนได้ดีก็มี พันโท ณรงค์(แอด)สุขสวัสดิ์ลูกป้านวนเพราะตอนนั้นทิ่มดินปืนใส่ถาดใว้เต้มถาดว่าจะพาไปตากแดดเกิดอุบัตเหตุระเบิดทั้งถาดหลวงแอดขาเหลืองแขนเหลืองตัวเหลืองไปหลายวัน

    ตอบลบ