เมื่อตอนต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ บังได้มีโอกาสเจอเกลอเก่าคนหนึ่งที่เติบโตมาด้วยกันสมัยเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนประจำจังหวัดสงขลา แต่จากกันไปเสียนานแสนนานตามวิถีชีวิตของแต่ละคน ก็อย่างที่เห็นๆกันในปัจจุบัน ว่าบางครั้งเราท่านอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่กิโลเมตรในสังคมเมือง แต่ไม่เคยได้พบหน้ากันคราวละหลายๆปี และยิ่งระยะทางที่ยาวไกลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว โอกาสจะมีน้อยมากๆที่เพื่อนเก่าๆจะได้มีโอกาสพบปะกันอีกครั้งหนึ่ง

นัดเจอกันคราวนี้ตั้งใจจะคุยกันให้เต็มที่ ทีแรกตั้งใจว่าจะร่วมเดินไปกับพวกเดินวัวชนตอนเช้ามืดจากเก้าเส้งไปหัวสนอ่อนจะได้มีเวลาคุยกันเต็มที่ แต่พอเจอกันเข้าจริงๆก็มีการเปลี่ยนแผนเป็นตามสะดวกแทน และที่ว่าตามสะดวกก็คือนั่งรถไปหัวสนอ่อนแทนที่จะเดินไป หลังจากเดินไปเดินมาอยู่บนที่ๆเขาทำไว้ให้คนเดินเที่ยวแถวๆสวนสองทะเลก็ชักจะเซ็งๆกันทั้งสองคนเพราะไม่มีอะไรแปลกใหม่ ใครมาสงขลาเขาก็มากันตรงนี้ ต่างคนต่างเดินกันจนเบื่อเสียแล้วก่อนเจอกันคราวนี้ เหลือบไปทางฝั่งเขาแดง เอ๊ะ...แล้วเอ็งเคยปีนขึ้นไปบนยอดเขาฝั่งโน้นหรือเปล่า? บังถาม...เพื่อนมันบอกว่าก็ไม่เคยเหมือนกัน บังนั้นก็ไม่เคยเหมือนกัน แต่ตั้งใจมานานแล้วที่จะขึ้นไปดูบนยอดเขาฝั่งเขาแดงให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไป ซึ่งก็เหมือนๆกันกับชาวสงขลาแทบทั้งหมดที่ส่วนใหญ่คงไม่เคยแม้แต่จะคิด


เราเริ่มต้นกันตรงท่าแพขนานยนต์ข้ามฟาก ซึ่งดูจะซบเซาไปมากเมื่อเทียบกันกับเมื่อครั้งที่ยังเป็นเส้นทางเดียวที่จะสัญจรติดต่อกับฝั่งอำเภอสิงหนคร สะทิ้งพระ และระโนดก่อนที่จะมีการสร้างสะพานเกาะยอ ตรงใกล้ที่จอดแพฝั่งสงขลา ก่อนข้ามฟากเราแวะที่ร้านขายน้ำชาแบบพื้นเมือง กินกาแฟดำใส่นมข้นคนละแก้วตามด้วยข้าวเหนียวปิ้งและช้าโขย(หรือที่คนกรุงเทพฯเขาเรียกกันว่าปาท่องโก๋) เรียกบรรยากาศเก่าๆกลับคืนมาได้เป็นอย่างดี มองไปทางริมถนน เห็นป้ายหาเสียงเก่าตั้งแต่การเลือกตั้งคราวที่แล้วของนักการเมืองท้องถิ่นที่คุ้นชื่อและคุ้นหน้ากันที่โรงเรียนเมื่อครั้งกระโน้น เขาคงจะไม่มีเวลาสำหรับกิจกรรมแบบไร้แผนของเราสองคน ทีสามารถเปลียนแปลงได้ดังใจได้ทุกขณะและไม่ต้องอาศัยมือปืนห้อมล้อมคุ้มกันและเคลียร์พื้นที่ก่อนเดินทาง
ทางขึ้นอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตัวเขา ซึ่งเป็นคนละฟากกันกับด้านที่ติดทะเล หลังจากข้ามฟาก เรามุ่งไปทางด้านทิศเหนือ เพื่อหาถนนเลียบเขาด้านทิศตะวันตก ด้านหน้าของทางขึ้นเป็นหน่วยงานของทางราชการสำหรับดูแลพื้นที่โบราณสถานในละแวกนี้ เนื่องจากเราไปกันเช้าเกินไปและเป็นวันอาทิตย์ จึงไม่มีโอกาสเข้าไปดูข้างใน ซึ่งน่าจะมีข้อมูลต่างๆที่น่าสนใจที่มีการรวบรวมเอาไว้ ด้านหลังที่ทำการเป็นที่จอดรถและสวนไม้ยืนต้นขนาดใหญ่นาๆชนิดรวมทั้งต้นสะตอซึ่งอยู่ตรงเชิงบันไดขึ้นเขา


ถัดจากป้อมบนยอดไปทางทิศตะวันออก เป็นทางไปตามที่ราบบนสันเขาไปทางทิศตะวันออกประมาณ๗๐เมตร ไปสุดที่หน้าผาซึ่งมีเจดีย์สององค์ และเจดีย์สององค์นี่เองที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากฝั่งแหลมสนและเมืองสงขลาปัจจุบัน วิวเมืองสงขลาจากจุดนี้สวยงามมาก แม้กระทั่งในวันนี้ที่บังและเพื่อนขึ้นไปฝนตกพรำๆเและอากาศค่อนไปทางขมุกขมัว แต่ก็ทิวทัศน์ยังคงความงดงามเอาไว้อย่างน่าพิศวง
นั่งหลับตานึกถึงประวัติศาสตร์ที่เคยอ่าน



หากใครมีเวลา เขาแดงเป็นอีกที่หนึ่งที่น่าจะไปเยียมชมนอกจากแหลมสมิหรา เขาน้อยและเขาตังกวน...